
ถูกนอกใจ ฟ้องหย่า-ฟ้องชู้ เริ่มยังไง? ค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายฟ้องชู้?
กรณีไหนบ้างที่สามารถเรียกค่าทดแทนจากการนอกใจได้?

หลังจากที่ประเทศไทยมีการประกาศใช้ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” (พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567) “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องชู้” ก็ได้รับการปรับให้สอดคล้องกัน โดยกฎหมายให้สิทธิคู่สมรสทุกเพศในการฟ้องหย่าหรือฟ้องเรียกค่าทดแทนได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งจากคู่สมรสของตนและผู้ที่เป็นชู้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นมา
สิทธิในการเรียกค่าทดแทนจากการถูกคู่สมรสนอกใจไปมีชู้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) ที่ได้กำหนด ดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1: เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากัน เพราะเหตุที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งมีชู้
กล่าวคือ คู่สมรสฝ่ายหนึ่งอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่สมรส มีชู้ ร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ หรือกระทำหรือยอมรับการกระทำของผู้อื่นเพื่อสนองความใคร่เป็นอาจิณ ตามมาตรา 1516(1) กรณีนี้คู่สมรสอีกฝ่าย “มีสิทธิได้รับค่าทดแทน” ทั้งจากคู่สมรสฝ่ายที่มีชู้และจากผู้เป็นชู้ ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการหย่านั้น ตามมาตรา 1523 วรรคหนึ่ง
กรณีที่ 2: แม้ในกรณีที่ไม่ได้มีการหย่ากัน ก็สามารถ “เรียกค่าทดแทน” จากผู้ที่เป็นชู้ได้
กล่าวคือ กฎหมายกำหนดให้คู่สมรสอีกฝ่ายสามารถเรียกค่าทดแทนจาก ผู้ซึ่งล่วงเกินคู่สมรสของตนไปในทำนองชู้ หรือ ผู้ซึ่งแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับคู่สมรสไปในทำนองชู้ได้ ตามมาตรา 1523 วรรคสอง อย่างไรก็ดีในกรณีที่ไม่มีการหย่านี้ จะไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสฝ่ายที่นอกใจได้ ซึ่งต่างจากกรณีแรกที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ฟ้องหย่า vs ฟ้องชู้

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีมือที่สามเข้ามาทำให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์ ในกรณีที่ไม่สามารถเจรจาตกลงหรือประนีประนอมกันได้ เรื่องมักจบด้วยการฟ้องร้องต่อศาล หากคุณกำลังไม่แน่ใจว่าจะเลือกฟ้องหย่า หรือ ฟ้องชู้ ขออธิบายเพื่อประกอบการตัดสินใจสั้นๆ ดังนี้
- การฟ้องหย่า: มักเป็นกรณีที่คู่สมรสไม่ต้องการหรือไม่สามารถอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาได้อีกต่อไป ผลของการหย่าคือการสมรสจะสิ้นสุดลงและนำไปสู่ขั้นตอนการแบ่งสินสมรส โดยการจะฟ้องหย่าได้นั้นต้องมีเหตุตามที่กฎหมายกำหนด ตามป.พ.พ. มาตรา 1516 มีทั้งหมด 10 เหตุฟ้องหย่าด้วยกัน หนึ่งในนั้นรวมถึง การที่คู่สมรสนอกใจไปมีชู้หรือไปเป็นชู้ด้วย
- การฟ้องชู้: กรณีนี้มักหมายถึงการที่คู่สมรสฝ่ายที่เสียหายฟ้องคดีเพื่อเรียกค่าทดแทนจากชู้ ที่เข้ามาละเมิดสิทธิ ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดปัญหา รวมถึงทำลายเกียรติและชื่อเสียงของคู่สมรส (เป็นไปตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ตามมาตรา 1523 วรรคสอง) โดยแม้ว่าจะมีการฟ้องชู้ คู่สมรสอาจจะเลือกที่จะอยู่ด้วยกันต่อไปก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องฟ้องหย่า)
อย่างไรก็ดีหากประสงค์ที่จะทั้งฟ้องหย่าและฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ไปพร้อมๆกัน กฎหมายก็อนุญาตให้ทำได้
💭 ปรึกษาทนายเบื้องต้นฟรี ง่ายๆผ่านทาง Free Q&A ของ Legardy โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน
ปัจจัยที่ศาลใช้ในการคำนวณ “ค่าทดแทนที่เหมาะสม”

- ฐานะทางสังคม (หน้าที่การงาน การศึกษาของทุกฝ่าย)
- มีการจัดงานแต่งงานหรือไม่ (เกี่ยวข้องกับ ชื่อเสียงทางสังคมและความอับอายที่ได้รับ)
- ระยะเวลาการสมรส (หากแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานาน มีโอกาสที่ค่าทดแทนจะสูงขึ้น)
- มีบุตรร่วมกันหรือไม่ (ผลกระทบทางด้านจิตใจและการอุปการะเลี้ยงดูบุตร)
- ความสัมพันธ์ในครอบครัว ก่อนเกิดเหตุการณ์นอกใจหรือมีชู้
- ผู้ที่เป็นชู้ทราบหรือไม่ ว่ากำลังเป็นชู้
- มีการเปิดเผยพฤติกรรมการเป็นชู้ มากน้อยเพียงใด
- ระยะเวลาที่เป็นชู้กัน นานแค่ไหน
- ท่าทีหลังถูกจับได้ว่ามีชู้ (มีการสำนึกผิด ขอโทษ หยุดความสัมพันธ์กับชู้ หรือ ปฏิเสธและก้าวร้าว)
- มีการฟ้องหย่า เพื่อเรียกร้องในทรัพย์สินจากฝ่ายที่มีชู้ร่วมด้วยหรือไม่ (ศาลจะคำนึงถึงทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องจะได้รับไปจากการฟ้องหย่าแบ่งสินสมรสด้วย)
เรื่องค่าทดแทนนั้น ไม่มีเรทที่ตายตัวและขึ้นอยู่กับหลักฐานและข้อเท็จจริงในแต่ละคดี ทนายจึงจำเป็นต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และการอ้างอิงแนวคำพิพากษาที่มีข้อเท็จจริงใกล้เคียงกัน เพื่อหาเหตุต่อรองให้สามารถกำหนด “ค่าทดแทนที่สมเหตุสมผล เป็นธรรมและสอดคล้องกับความต้องการของลูกความ”
ข้อควรระวัง เรื่องอายุความ
อายุความในการฟ้องหย่าด้วยเหตุที่คู่สมรสมีชู้ รวมถึง การฟ้องชู้เพื่อเรียกค่าทดแทนนั้น ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ผู้กล่าวอ้าง รู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง ตามป.พ.พ. มาตรา 1529
กล่าวคือ เมื่อฝ่ายที่ถูกนอกใจ “รู้” ว่าคู่สมรสนอกใจไปมีชู้ หรือ “ควรรู้” เพราะมีหลักฐานพฤติการณ์แสดงออกชัดเจน นับตั้งแต่เวลานั้นอายุความการฟ้อง 1 ปีก็จะเริ่มนับถอยหลัง โดยฝ่ายที่ต้องการเรียกค่าทดแทนจากชู้ จะต้องดำเนินการเก็บรวบรวมหลักฐานและติดต่อเพื่อเจรจาให้จ่ายค่าทดแทนความเสียหาย กรณีที่เจรจาไม่สำเร็จก็ต้องเตรียมยื่นฟ้องภายใน 1 ปีนั้น หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว สิทธิในการฟ้องหย่าหรือฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ โดยอาศัยเหตุการณ์นอกใจในครั้งนั้นก็จะระงับสิ้นไป
ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลานี้ การเข้าปรึกษาทนายความเพื่อวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ควรพิจารณา เนื่องจากโดยส่วนมากเมื่อคู่กรณี(ชู้)ได้รับการติดต่อโดยตรงจากทนายความ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นและแจ้งค่าทดแทนที่ต้องการเรียกร้อง คู่กรณี(ชู้)จะรับรู้ถึงความจริงจังในการดำเนินคดีตามกฎหมาย หากยังไม่ยอมคุยหรือปฏิบัติตามข้อที่เรียกร้อง
คำพิพากษาฎีกาที่ 2590/2561 (ก่อนมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม)
โจทก์(สามี)ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ที่ล่วงเกินภริยาของตนไปในทางชู้สาวได้ หากยังไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ทราบถึงความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวนั้น แม้ภริยาจะสมัครใจยินยอมให้ล่วงเกินก็ตาม และแม้ว่าต่อมาจะมีการจดทะเบียนหย่ากันแล้ว ก็ไม่ทำให้สิทธิในการฟ้องเรียกค่าทดแทนของโจทก์ถูกลบล้างไปเพราะการหย่าขาดจากกัน เนื่องจากพฤติการณ์เป็นชู้นั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่ยังสมรสกันอยู่
อ่านเพิ่มเติม
(บทความกฎหมาย) ไขข้อสงสัย คดีแพ่งมีอายุความกี่ปี? คดีขาดอายุความฟ้องได้ไหม?
(บทความกฎหมาย) จ้างทนายฟ้องชู้ กฎหมายคุ้มครองคู่สมรสที่ต้องรู้ หากโดนนอกใจ
ทำไมถึงควรปรึกษาทนาย?

โดยทั่วไปแล้วหลังจากทราบเรื่องว่ามีการนอกใจเกิดขึ้น การเจรจาภายใต้สถานการณ์ที่มีความตึงเครียดและความกดดันด้านจิตใจกับทั้งคู่สมรสและคู่กรณีที่มีความสัมพันธ์เชิงเป็นชู้ด้วยตัวเอง มักทำให้มีโอกาสที่ “ไม่ทันได้คิดแนวทางต่อรอง หรือ เตรียมข้อตกลงไว้ล่วงหน้า” จนอาจทำให้เสียสิทธิในค่าทดแทนที่ควรได้
หากคุณกำลังมีความคิดที่จะ “เรียกค่าทดแทน/ค่าเสียหายจากการถูกนอกใจ” การให้ทนายความเข้ามาช่วยดูแลตั้งแต่แรก จะช่วยลดภาระทางจิตใจและความเสี่ยงในการพลาดเรื่องขั้นตอนกฎหมายได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งทนายจะช่วย "ประเมินค่าทดแทนที่เหมาะสม” ตามข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ช่วยเจรจาต่อรองแทนคุณ รวมถึงจัดการด้านเอกสารและหลักฐานให้ ทำให้คดีดำเนินไปอย่างมีระบบและมีโอกาสได้รับค่าทดแทนที่เรียกร้องไป
ประโยชน์ที่จะได้รับ เมื่อมีทนายดำเนินการให้
- ทนายความจะรับมอบหมายเป็นผู้ประสานงานแทนทั้งหมด: ตั้งแต่ติดต่อคู่กรณี เจรจา จัดทำหนังสือบอกกล่าวทวงถาม/เรียกร้อง ไปจนถึงทำสัญญาประนีประนอมหรือฟ้องร้อง หากจำเป็น
- ช่วยลดภาระทางด้านสภาพจิตใจ ทำให้ไม่ต้องเผชิญหน้าและเจรจากับคู่กรณีเองโดยตรง เพื่อให้คุณสามารถโฟกัสกับการเยียวยาจิตใจและเดินหน้าใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองได้โดยไม่ต้องกังวล
- วางแผนกลยุทธ์ บนฐานของกฎหมายและแนวคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมิน “ค่าทดแทนที่เหมาะสม” จากข้อเท็จจริงในกรณีของคุณ
- ลดความเสี่ยงที่จะได้รับเงินค่าทดแทนต่ำกว่าที่ควรจะได้
- ให้คำแนะนำเรื่องเอกสารและการจัดเตรียมพยานหลักฐาน ให้ถูกต้องและสามารถใช้ได้จริงทั้งในการเจรจาและในชั้นศาล
- ไม่ต้องกังวลแม้ว่าคู่กรณีจะ “อ้างว่าไม่มีเงินจ่าย” ทนายสามารถใช้ช่องทางที่กฎหมายกำหนดในการขอข้อมูลที่จำเป็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถในการชำระเงิน รวมถึงกำหนดเงื่อนไขการแบ่งชำระเป็นงวดๆ การบังคับคดียึดทรัพย์ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม - กรณีจำเลยไม่ยอมจ่ายเงิน
(Free Q&A) ไกล่เกลี่ยต่อหน้าศาลตอนฟ้องศาลแพ่งแล้ว แต่จำเลยไม่ทำตาม ...
(บทความกฎหมาย) ศาลพิพากษาให้ชนะคดีแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่จ่ายเงิน ต้องทำอย่างไร?
เมื่อมอบหมายให้ทนายเจรจา “คุณไม่ได้เผชิญหน้าคนเดียวอีกต่อไป”
- ทนายจะออกหนังสือบอกกล่าวทวงถาม ว่าเป็นตัวแทนในการเจรจา ส่งไปยังคู่กรณี
- หากคู่กรณีพยายามติดต่อคุณโดยตรง ทนายจะทำการทักท้วงและคัดค้าน ให้ติดต่อผ่านทางทนายเท่านั้น
- ทนายประเมินจำนวนเงินที่จะเรียกค่าทดแทน - เจรจา - ทำข้อตกลง เพื่อให้คุณได้รับชำระเงินตามที่เรียกร้อง
- หากเจรจาไม่สำเร็จ ทนายจะดำเนินการต่อขั้นตอนไกล่เกลี่ยและฟ้องคดีตามเหมาะสม
ดังนั้น การมอบหมายให้ทนายความจัดการให้ นอกจากจะช่วยลดการเงียบหายของคู่กรณี ลดความตึงเครียดและการโต้เถียงโดยใช้อารมณ์ จะทำให้สามารถโฟกัสได้ตรงจุด เจรจาได้ตรงประเด็น ทั้งยังทำให้ระยะเวลาและค่าดำเนินการโดยรวมลดลง และที่สำคัญคือ คุณเองไม่ต้องกังวลเรื่องการเผชิญหน้าหรือรับมือกับชู้โดยตรงอีกต่อไป
ค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปในการจ้างทนายฟ้องชู้

โดยทั่วไป ค่าทนายคดีฟ้องชู้จะอยู่ที่ราว 30,000–50,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี พยานหลักฐาน พื้นที่ศาล(ต่างจังหวัดหรือกรุงเทพ) ความเชี่ยวชาญของทนาย และขอบเขตงานที่ตกลงกัน
1) ค่าปรึกษาทนายความครั้งแรก
ในขั้นตอนแรกนี้ ลูกความต้องเล่าข้อเท็จจริงให้ทนายความฟัง พร้อมแสดงหลักฐานเบื้องต้นที่มี เพื่อให้ทนายประเมินสถานการณ์ปรับให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายและให้คำแนะนำในการเตรียมตัวสู่ขั้นตอนถัดไป
- ช่วงราคาที่พบบ่อยคือ 1,500~5,000 บาท+ ต่อหนึ่งชั่วโมงหรือต่อครั้ง (หากเป็นสำนักงานกฎหมายขนาดใหญ่หรือInternatinoal Law Firm จะมีราคาสูงกว่านี้)
- บางสำนักงานทนายความมี “การให้คำปรึกษาครั้งแรกฟรี” ในเบื้องต้นเพื่อประเมินคดี
ก่อนเข้าพบทนายความ: แนะนำให้เตรียม Timeline ในการเล่าเรื่องเหตุการณ์ หลักฐานเกี่ยวกับชู้เท่าที่มี และถามตัวเองถึงเป้าหมายหลักในการเข้าปรึกษาทนายในครั้งนี้ ว่าคุณต้องการหย่าและเรียกค่าสินไหมจากทั้งคู่สมรสและชู้ หรือ คุณไม่ต้องการหย่า แต่ต้องการเรียกค่าทดแทนจากชู้
2) ค่าจ้างทนายในการเริ่มดำเนินการ/ฟ้องคดี
ค่าใช้จ่ายนี้อาจครอบคลุมขั้นตอนการดำเนินการที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความตกลงหรือแพ็คเกจบริการของสำนักงานหรือทนายความแต่ละท่าน ควรสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน
โดยทั่วไปมักครอบคลุมตั้งแต่ การให้คำปรึกษา – จัดทำหนังสือบอกกล่าวไปยังคู่กรณี – นัดเจรจา – ทำข้อตกลง แต่กรณีไม่สามารถเจรจาตกลงกับคู่กรณีได้ ก็จะมีการจัดเตรียมพยานหลักฐาน – ร่างคำฟ้องและจัดทำใบแต่งทนาย – ยื่นฟ้องคดี/ไกล่เกลี่ย – สืบพยานไปจนถึงศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
- สำนักงานทนายความท้องถิ่น มักเสนอราคาอยู่ในช่วง 30,000~50,000 บาท
- สำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง หรือ International Lawfirm ราคาอาจถึง 100,000 บาท+ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยเฉพาะคดีที่มีความซับซ้อน พฤติการณ์ หลักฐาน หรือคดีที่มีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาเกี่ยวข้อง
3) ค่าธรรมเนียมศาล
ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล) คือ ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้แก่ศาลเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาคดี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการฟ้องร้องคดีโดยไม่มีมูลความจริง โดยอาจมีการคิดค่าขึ้นศาลตามความเป็นจริงแยกต่างหากจากค่าทนายความ
ในคดีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ ค่าธรรมเนียมศาลจะแปรผันตรงตามจำนวนเงินค่าทดแทนที่ทางลูกความต้องการเรียกร้องให้ฝ่ายที่เป็นชู้จ่าย (ทุนทรัพย์ของคดี)
- กรณี เรียกค่าทดแทนไม่เกิน 300,000 บาท → ค่าธรรมเนียมศาล = ไม่เกิน 1,000 บาท (2% ของทุนทรัพย์ มีเพดานค่าขึ้นศาลที่ 1,000 บาท)
- กรณี เรียกค่าทดแทนมากกว่า 300,000 บาทขึ้นไป → ค่าธรรมเนียมศาล = 2% ของจำนวนเงินที่เรียก (มีเพดานค่าขึ้นศาลสูงสุดอยู่ที่ 200,000 บาท เว้นแต่เรียกร้องเกิน 50 ล้านบาทจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม) เช่น หากต้องการฟ้องชู้เพื่อเรียกเงินค่าทดแทน 500,000 บาท ดังนั้นค่าธรรมเนียมศาลที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ 10,000 บาท
เพื่อไม่ให้เสียค่าธรรมเนียมศาลเกินจำเป็น ควรพูดคุยปรึกษากับทนาย เพื่อกำหนดจำนวนค่าทดแทนที่ต้องการเรียกร้องให้ “เหมาะสมและมีโอกาสได้จริง” โดยอ้างอิงแนวคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องและยังคงใกล้เคียงกับจำนวนที่คุณต้องการ
4) ค่าใช้จ่ายจริงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มักอยู่ในช่วงหลักพันถึงหมื่นบาท โดยสำนักงานกฎหมายหลายๆที่มักให้จ่ายในรูปแบบ “การวางเงินสำรองจ่าย” แล้วมาสรุปยอดเมื่อคดีสิ้นสุด
เงินส่วนที่เกินมาจะมีการส่งคืน ส่วนกรณีไม่พออาจมีการเรียกเก็บเพิ่มตามความเป็นจริง หรือบางครั้งอาจเป็นรูปแบบเหมาจ่ายรวมกับค่าทนายความแล้ว
ในทางปฏิบัติแนะนำให้ขอ “ประมาณการค่าใช้จ่ายจริง” จากสำนักงานกฎหมายหรือทนายความ เพื่อประกอบการตัดสินใจและให้ทราบค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมล่วงหน้า โดยหลักๆจะมีรายการค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
- ค่าส่งหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลย
- ค่าเดินทางไปศาล (ขึ้นอยู่กับระยะทาง)
- ค่าป่วยการพยาน (กรณีจำเป็นต้องใช้พยานบุคคล)
- ค่าคัดถ่ายเอกสาร/คำพิพากษา/คำสั่งศาล
- ค่าดำเนินการบังคับคดี หลังชนะคดี (กรณีจำเลยไม่ยอมจ่ายเงิน)
เนื่องจากการ ฟ้องชู้เพื่อเรียกค่าทดแทนเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งได้รับการออกแบบกระบวนพิจารณาให้มุ่งคุ้มครองสวัสดิภาพครอบครัวและยึดผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จึงมีการส่งเสริมการไกล่เกลี่ย-ประนีประนอมอย่างเป็นระบบ เพื่อหาข้อตกลงกึ่งกลางที่ทั้งสองฝ่ายพอใจและสมเหตุสมผล มากกว่าการมุ่งชี้ถูกผิดและลงโทษอย่างคดีอาญาหรือคดีแพ่งทั่วไป
ด้วยเหตุนี้ ทนายที่ทำคดีครอบครัวนอกจากจะต้องเชี่ยวชาญด้านข้อกฎหมายแล้ว ยังต้องมีความใส่ใจและความละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของลูกความ เพราะผลของคดีเกี่ยวพันโดยตรงกับการกำหนดทิศทางภายในครอบครัวในระยะยาว
🌟 หากสงสัยเรื่องค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายฟ้องชู้ พิมพ์คำถามของท่านและรอทนายติดต่อกลับได้เลย ทาง Legardy เรามีทนายกว่า 700 ท่าน พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
ค่าทดแทนจากการนอกใจ มีโอกาสได้เท่าไหร่

จำนวนค่าทดแทนที่ปรากฏในคำพิพากษามีตั้งแต่หลัก 100,000~1,000,000 บาทขึ้นไป
อย่างไรก็ดี ปัจจัยต่างๆตามที่กล่าวไปข้างต้นมีผลอย่างมากต่อดุลพินิจของศาลในการคำนวณ “ค่าทดแทนที่เหมาะสม”ตามข้อเท็จจริงของแต่ละคดี และโดยทั่วไปการเรียกค่าทดแทน ~300,000 บาทสามารถพบได้บ่อย เนื่องจากผู้ฟ้องคดีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล 1,000 บาทเท่านั้น (หากเรียกมากกว่า 300,000 บาทขึ้นไปค่าธรรมเนียมศาลจะคิดอยู่ที่ 2% ของเงินค่าทดแทนที่เรียกร้อง)
ทั้งนี้ จำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าแม้เรียกร้องเงินค่าทดแทนไปเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ค่าทดแทนที่ศาลพิพากษาให้จริงๆอาจจะต่ำกว่าที่ร้องขอไปขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลและพฤติการณ์ของแต่ละคดี ดังตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไปนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562
คดีนี้โจทก์(ภรรยา)ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นชู้กับสามีของโจทก์ โดยตามคดีนี้สามีโจทก์มีพฤติการณ์ไปพบจำเลยที่บ้านของจำเลยบ่อยครั้ง นอนพักค้างคืน อีกทั้งมีกุญแจบ้านของจำเลย ย่อมทำให้เพื่อนบ้านหรือบุคคลที่พบเห็นเข้าใจได้ว่า สามีโจทก์กับจำเลยมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดฉันชู้สาว เกินกว่าการเป็นนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการที่จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ตามป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง
โจทก์(ภรรยา)ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายต่อเกียรติยศ ชื่อเสียงทางธุรกิจ ความเดือดร้อนที่ครอบครัวต้องแตกแยก และความทุกข์ทรมานทางด้านจิตใจ เป็นเงิน 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
อย่างไรก็ดีคดีนี้เมื่อศาลพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี สถานะของทั้งทุกฝ่าย (โจทก์และสามีจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี พ.ศ. 2550 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ประกอบธุรกิจในนามบริษัท ส่วนจำเลยทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัท ย่อมรู้ว่ากำลังเป็นชู้กับสามีของโจทก์) รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ที่มีปัญหาที่ไม่ลงรอยกัน ทั้งทางครอบครัวและทางธุรกิจ จนแยกกันอยู่มานานหลายปีแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดค่าทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 1,000,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม
(บทความกฎหมาย) ฟ้องชู้ได้เงินเท่าไร มีหลักฐานอะไรบ้าง? รู้ไว้ก่อนจ้างทนายฟ้องชู้
(บทความกฎหมาย) คดีฟ้องชู้ ต้องทำอย่างไร และมีหลักฐานอะไรบ้าง
ข้อแนะนำในการเลือกทนายความ

1. โปรไฟล์ ผลงาน และความเชี่ยวชาญ
- สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบก่อนเข้ารับคำปรึกษา คือ ใบอนุญาตว่าความ (ตั๋วทนาย) เพื่อยืนยันว่าเป็นทนายที่ขึ้นทะเบียนกับสภาทนายความและมีสิทธิว่าความในชั้นศาลได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
- ดูตัวอย่างผลงานคดีก่อน ๆ รีวิวจากลูกความ หรือบทความให้ความรู้ทางกฎหมาย จากเว็บไซต์หรือโปรไฟล์ของทนายคนนั้นๆ เพื่อประเมินความเชี่ยวชาญในแต่ละประเภทคดีและใช้ประกอบการตัดสินใจ
🌟 ที่ Legardy คุณสามารถดูโปรไฟล์และรีวิวของทนาย ก่อนตัดสินใจว่าจ้างได้เลย โดยมั่นใจได้ว่าทนายทุกคนบน Legardy ได้รับการรับรองจากสภาทนายความแล้ว
2. โครงสร้างค่าบริการที่โปร่งใสและเข้าใจง่าย
- ควรสอบถามให้ชัดเจนถึง "ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมด" ก่อนเริ่มตกลงจ้างทนาย ซึ่งรวมถึงค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายจริงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง วิธีการและงวดการจ่ายเงิน โดยทนายมืออาชีพควรแจงรายการและเงื่อนไขได้ครบถ้วนตามแนวทางจรรยาบรรณวิชาชีพและทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการทิ้งคดี
3. ทักษะการสื่อสารและความเข้ากันได้
- การเข้าปรึกษาจะช่วยให้คุณทราบถึง “สไตล์การทำงานและการเจรจาของทนายแต่ละคนได้ตั้งแต่ครั้งแรก”
- ทนายควรที่จะสื่อสารได้อย่างตรงประเด็น อธิบายข้อกฎหมายได้ชัดเจน เข้าใจง่าย รวมถึงมีความเข้าใจและเคารพความรู้สึกของลูกความ
- เลือกทนายที่เป็นทั้ง “ผู้ฟังที่ดี” และ “ที่ปรึกษาที่ให้ทางเลือก” ที่คุณรู้สึกไว้วางใจและสบายใจที่จะเล่าเรื่องละเอียดอ่อนให้ฟัง
คำถามที่ควรถามระหว่างปรึกษา-ก่อนตัดสินใจจ้างทนาย
- ลักษณะความสัมพันธ์แบบนี้ เข้าข่ายการเป็นชู้หรือมีชู้ตามกฎหมายแล้วหรือไม่?
- กรณีนี้สามารถเรียกค่าทดแทนได้หรือไม่? ประมาณเท่าไหร่?
- หลักฐานที่มีเพียงพอและสามารถใช้ได้หรือไม่? ควรเก็บหลักฐานอะไรเพิ่มเติม?
- หากต้องการฟ้องร้อง อายุความขาดแล้วหรือยัง?
- กรอบระยะเวลาในการดำเนินการ (ส่งหนังสือ – เจรจา – ทำสัญญาข้อตกลง หรือ ฟ้องคดี)
- ถ้าตกลงจ้างทนาย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณและรูปแบบการคิดค่าบริการเป็นอย่างไร?
- หากมีเหตุให้ต้องยกเลิกสัญญากลางคัน คิดค่าใช้จ่ายและมีการคืนเงินหรือไม่อย่างไร?
⚖️ มีคำถามอยากปรึกษาทนาย พิมพ์คำถามของคุณได้เลยทาง กระทู้ถาม-ตอบปัญหากฎหมายฟรี
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ






