
การโฆษณาลักษณะใดที่ธุรกิจไม่ควรปฏิบัติ
ทุกวันนี้นั้นไม่ว่าจะเปิดสื่อช่องทางใด เช่น facebook, youtube, tiktok หรือโทรทัศน์ก็ตาม ทุกคนย่อมเห็นโฆษณากันเป็นประจำ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำโฆษณาที่ถูกต้องตามหลักกฎหมายนั้นต้องทำอย่างไร และเกี่ยวข้องกับกฎหมายพระราชบัญญัติไหน บทความนี้ Legardy จะพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับกฎหมายการโฆษณากันครับ
โฆษณาคืออะไร?
โฆษณา คือ กระทําการไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้าไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เช่น ทางสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า เช่น เพื่อชักจูงใจให้ประชาชนผู้เห็นโฆษณษนั้นซื้อสินค้าหรือบริการ หรือเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับตราสินค้า สรรพคุณสินค้าและบริการ คุณภาพสินค้า จุดเด่นทั้งเรื่องวัตถุดิบ ส่วนผสม นวัตกรรมการผลิต แหล่งกำเนิด
หลักการพื้นฐานตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพโฆษณา
1.ซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้บริโภค
การโฆษณาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการไปยังผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือทำให้เข้าใจผิด การมีกฎหมายการโฆษณาเข้ามาเพื่อช่วยควบคุมความสมดุลระหว่างเสรีภาพทางการค้าและการคุ้มครองผู้บริโภค การโฆษณานั้นต้องไม่ใช่ ข้อความ ภาพ หรือเสียงที่เป็นเท็จ เกินความเป็นจริง หรือทำให้ผู้รับชมโฆษณานั้นเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ต้องการนำเสนอ และการโฆษณาต้องไม่ใช้วิธีที่ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยไม่สมควร เช่น การกล่าวอ้างถึงสรรพคุณที่เกินความเป็นจริง หรือ การเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินความเป็นจริง
2.หลักการไม่เป็นอันตรายต่อสังคม
การโฆษณาต้องไม่ส่งเสริมพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อความ ภาพ หรือเสียงที่ลามก อนาจาร หยาบคาย หรือยุยงให้เกิดความรุนแรง การเลือกใช้เนื้อหาและรูปแบบในการโฆษณาต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
3.หลักการไม่เอาเปรียบผู้บริโภค
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กและผู้สูงอายุ การโฆษณาต้องไม่ใช้กลวิธีที่ทำให้ผู้บริโภคเหล่านี้ตัดสินใจโดยขาดความนึกคิด หรือขาดความเข้าใจที่เพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้นๆ
4.ความรับผิดชอบต่อสังคมและการแข่งขันที่เป็นธรรม
ผู้ประกอบธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาควรตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และควรยึดมั่นในการแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นธรรม การโฆษณานั้นไม่ควรโฆษณาเพื่อทำลายชื่อเสียงหรือสร้างความเสียหายให้แก่คู่แข่ง
แต่ควรเน้นการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์เป็นหลัก
5.การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
การโฆษณาที่ดีควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ หรือเคลือบแคลงในข้อมูลที่นำเสนอ การเปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วน ชัดเจนและเป็นความจริง จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในระยะยาวมากกว่า
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา
มีบทบัญญัติเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการโฆษณาซึ่งอยู่ในพรบ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
มาตรา 22 ห้ามโฆษณาที่ไม่เป็นธรรมหรือใช้ข้อความที่เป็นเท็จ วางหลักไว้ว่า
ห้ามการโฆษณาที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือส่งผลเสียต่อสังคม โดยครอบคลุมทั้งข้อความ ภาพ และวิธีการนำเสนอ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือแม้แต่การจัดส่ง
ข้อความดังต่อไปนี้ถือว่าเป็นข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือเป็นข้อความที่อาจเกิดส่งผลต่อสังคม
1.ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง
2.ข้อความที่ทำให้เข้าใจผิด แม้ว่าจะอ้างถึงงานวิจัยหรือสถิติก็ตาม
3.ข้อความที่สนับสนุนการทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม
4.ข้อความที่ก่อให้เกิดความแตกแยก
ซึ่งมีข้อยกเว้น ข้อความที่เกินจริงจนเป็นที่เข้าใจได้ทั่วไปว่าเป็นการโฆษณา ไม่ถือเป็นข้อความต้องห้าม
เช่น "กาแฟแก้ง่วงระดับเทพ" ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการพูดเกินจริงเพื่อโฆษณา
มาตรา 23 ห้ามโฆษณาที่เป็นอันตราย
ห้ามใช้รูปแบบหรือวิธีการที่เป็นอันตราย: ห้ามใช้รูปแบบหรือวิธีการโฆษณาที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายหรือจิตใจ หรือสร้างความรำคาญแก่ผู้บริโภค
มาตรา 24 อำนาจควบคุมการโฆษณาของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณา
- สำหรับสินค้าที่อาจเป็นอันตราย และมีการควบคุมฉลากอยู่แล้ว คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอำนาจเพิ่มเติมในการกำหนดให้มีคำแนะนำหรือคำเตือนในการโฆษณา
- จำกัดการใช้สื่อโฆษณาบางประเภท
- ระงับการโฆษณา สินค้าหรือบริการที่ขัดต่อนโยบายสังคม ศีลธรรม วัฒนธรรมของชาติ
มาตรา 26 การระบุข้อความโฆษณาให้ชัดเจน
คณะกรรมการฯ สามารถกำหนดให้การโฆษณาบางประเภทต้องมีข้อความชี้แจงให้ชัดเจนว่าเป็นการโฆษณาไม่ใช่แอบโฆษณาแฝง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของผู้บริโภค
ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !
โทษทางกฎหมายโฆษณาเกินจริง
มาตรา 47 การโฆษณาที่เป็นเท็จหรือทำให้ผู้รับชมโฆษณาหรือบุคคลอื่นเข้าใจผิด
โทษครั้งแรก
จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โทษกรณีทำผิดซ้ำ
จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 48 การฝ่าฝืนข้อห้ามอื่นๆ ในการโฆษณา
จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สิทธิของผู้บริโภค 5 ประการ
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ได้บัญญัติสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค 5 ประการ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมในการทำธุรกรรมและได้รับการคุ้มครองจากการถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ
1. สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
ผู้บริโภคทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับสินค้าและบริการนั้นๆ เพื่อเป็นเหตุให้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อหรือใช้บริการที่มีการโฆษณา
ตัวอย่างเช่น
1.ฉลากสินค้าต้องระบุส่วนประกอบ วันผลิต วันหมดอายุ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน
2.ผู้ให้บริการต้องแจ้งรายละเอียดของบริการ ค่าใช้จ่าย และเงื่อนไขต่างๆ อย่างครบถ้วนก่อนการใช้บริการ
2. สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
ผู้บริโภคทุกคนมีสิทธิในการที่จะเลือกซื้อหรือใช้บริการตามความต้องการของตนเอง ห้ามบังคม ข่มขู่ หรือชี้น้ำจากผู้ประกอบการ
3.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือ สุขภาพ
อีกทั้งสินค้าต้องมีคุณภาพและมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
4. สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา
ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาต่างๆกับผู้ประกอบธุรกิจ โดยปราศจากการถูกเอารัดเอาเปรียบหรือเรียกประโยชน์เกินควรผู้บริโภคมีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญาได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากไม่พอใจในสินค้าหรือบริการ
5. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าหรือบริการนั้น และผู้บริโภคมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อขอความเป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2563 (โฆษณาเกินจริง)
ป้ายโฆษณาของจำเลยระบุว่าไม่ต้องโอนเล่ม แต่กลับให้โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อและโอนกรรมสิทธิ์รถ ถือเป็นการโฆษณาที่ทำให้เข้าใจผิดตามมาตรา 22 (2) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และเป็นความผิดตามมาตรา 47 ทำให้สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะ โจทก์ต้องคืนเงินที่ได้รับทั้งหมด และจำเลยต้องคืนรถให้โจทก์ โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ย และศาลมีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนที่เกิดจากสัญญาโมฆะนี้ได้
สรุป
การโฆษณานั้นสามารถทำได้แต่ต้องอยู่บนหลักกฎหมายและความเป็นจริง การโฆษณาเกินจริงนั้นสามารถสร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคได้ และมีสิทธิที่ผู้ประกอบการนั้นจะถูกฟ้องร้องจากผู้บริโภคได้เช่นกันครับ หากมีข้อสงสัยต้องการปรึกษาทนายความเพื่อหาทางออกกฎหมาย สามารถติดต่อผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมงครับ
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ




