เผยแพร่เมื่อ: 2024-01-24

เมื่อถูกทำร้ายร่างกาย ต้องรีบไปแจ้งความหรือไม่

26.jpg

ไม่มีใครควรถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างไรก็ตาม แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และเกิดขึ้นโดยที่ผู้ถูกกระทำไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน และผู้ลงมือก็อาจเป็นคนใกล้ชิดที่ผู้เสียหายคาดไม่ถึงได้อีกด้วย แต่เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว ผู้เสียหายไม่ควรนิ่งเฉยปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล เพราะผู้กระทำผิดอาจได้ใจ และกลับมากระทำผิดซ้ำอีกได้ ผู้เสียหายจึงควรนำกฎหมายมาใช้หยุดการกระทำผิดนั้นภายในช่วงอายุความที่กฎหมายกำหนด

'อ่านบทความเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย จากทนายความผู้เชี่ยวชาญคดีอาญา คลิก'

 

Your Blog Title

 

การปฏิบัติเมื่อถูกทำร้ายร่างกาย

เมื่อถูกทำร้ายร่างกาย สิ่งแรกที่ควรทำ คือการเอาตัวเองออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ และควรเก็บหลักฐาน หรือจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเอาไว้ให้ได้ เพื่อใช้เป็นรายละเอียดในการแจ้งความต่อตำรวจ

'ทำไมไปแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการให้ ? คลิกเพื่ออ่านบทความ'

 โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับคนที่ลงมือทำร้าย ทำร้ายที่ไหน อย่างไร และเมื่อไหร่ และควรส่งตัวให้แพทย์วินิจฉัยว่าร่างกายของผู้เสียหายบาดเจ็บแค่ไหน เพื่อนำคำวินิจฉัยของแพทย์ไปประกอบในสำนวนคดี และใช้ตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดต่อไป

 

 

ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย

ตามประมวลกฎหมายอาญาคดีรูปแบบนี้สามารถแบ่งได้ 6 ประเภท ตามอัตราโทษทางกฎหมายที่แตกต่างกัน  ดังนี้

  1. พิจารณาตามมาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. พิจารณาตามมาตรา 296 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย โดยลักษณะความผิดมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี จะต้องโทษในอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. พิจารณาตามาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส จนมีลักษณะอาการดังนี้
  • ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท
  • เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถในการสืบพันธุ์
  • เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว หรืออวัยวะอื่นใด
  • หน้าเสียโฉมอย่างถาวร
  • แท้งลูก
  • จิตพิการอย่างถาวร
  • ทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งอาจมีอาการไปตลอดชีวิต
  • ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนานานกว่า 20 วัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้นานกว่า 20 วัน

คลิกที่นี่ เพื่ออ่านมากกว่า 80 คำปรึกษาจริง ในเรื่องคดีการทำร้ายร่างกาย

Q: ปรึกษากรณีโดนหัวหน้างานทำร้ายร่างกาย

Q: โดนแฟนสาวทำร้ายร่างกาย

Q: รุ่นพี่ที่ทหารทำร้ายร่างกายรุนแรง

Q:โดนทำร้ายร่างกาย

มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 - 200,000 บาท

  1. พิจารณาตามมาตรา 298 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 297 และความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ซึ่งเป็นบัญญัติเกี่ยวกับการค้าประเวณี จะมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 2 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 - 200,000 บาท
  2. พิจารณาตามมาตรา 299 ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นเป็นอันตราย จากการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงหลักฐานได้ว่า เป็นการกระทำเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้ หรือเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นก็จะไม่ต้องรับโทษ
  3. พิจารณาตามมาตรา 300 ผู้ใดกระทำการโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส จะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นจาก “บันดาลโทสะ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ระบุว่า “ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้” ซึ่งหลักเกณฑ์ว่าสถานการณ์ใดเกิดจากการบันดาลโทสะ จะพิจารณาว่ามีลักษณะของการกระทำก่อนหน้าที่จะมีการทำร้ายต่อกัน

คดีทำร้ายร่างกายมีอายุความกี่ปี

27.jpg

ในกรณีที่ผู้เสียหายมีเหตุจำเป็นให้ไม่สามารถแจ้งความได้ในทันที ตามมาตรา 95 ได้กำหนดอายุความของคดีนี้นับจากวันที่ถูกทำร้ายร่างกายไว้ ดังนี้

  1. 20 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุก 20 ปี
  2. 15 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่า 7 ปีแต่ยังไม่ถึง 20 ปี
  3. 10 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่า 1 – 7 ปี
  4. 5 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่า 1 เดือนถึง 1 ปี
  5. 1 ปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 เดือนลงมาหรือต้องระวางโทษอย่างอื่น

ดังนั้นผู้เสียหายจากคดีทำร้ายร่างกายไม่ควรชะล่าใจ และควรเข้าแจ้งความก่อนที่คดีจะหมดอายุความ เพราะนอกจากจะช่วยคืนความเป็นธรรมให้กับตนเองแล้ว ยังเป็นวิธีป้องกันการถูกทำร้ายจากคนร้ายซ้ำอีกครั้งได้ด้วย

 

ในปัจจุบันคดีทำร้ายร้างกายนับเป็นปัญหาสังคมที่สามารถพบได้ตามหน้าสื่อต่าง ๆ ได้บ่อย ๆ และหลายครั้งผู้ที่ทำร้ายผู้เสียหายก็เป็นคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัว ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าที่จะเข้าแจ้งความ แต่ทราบหรือไม่ว่าการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้คนร้ายย่ามใจ และกระทำผิดดังกล่าวซ้ำอีก หรือการกระทำรุนแรงนั้นอาจเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย ดังนั้นแนะนำว่าผู้ที่ถูกทำร้ายอย่าชะล่าใจ หรือหากมีข้อกังวลในเรื่องกฎหมายสามารถขอคำแนะนำจาก Legardy ทนายความออนไลน์ ที่พร้อมให้บริการแบบ 24 ชั่วโมง

 

แหล่งที่มา 

https://www.dharmniti.co.th/attack/

https://justicechannel.org/read/hot-issue-help

https://www.thairath.co.th/news/society/2625631

https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/225708

cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
cta
ปรึกษาทนายได้ตลอด 24 ชม.