คดีอาญายอมความได้ไหม?
โดยปกติแล้วความผิดทางอาญานั้นสามารถแบ่งแยกได้เป็น 2ประเภท
1.ความผิดอาญาแผ่นดิน
คือความผิดที่เมื่อเกิดการกระทำขึ้นแล้ว นอกจากส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำยังส่งผลกระทบต่อสังคมอีกด้วยต่อให้ทางผู้เสียหายนั้นไม่ติดใจเอาความ แต่เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อ หรือให้เข้าใจง่ายๆก็คือ "ยอมความไม่ได้นั่นเอง"
2.ความผิดต่อส่วนตัว
คือความผิดที่กระแล้วมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถูกกระทำเท่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมหรือแผ่นดิน ซึ่งความผิดส่วนตัวนั้นเป็นความผิดที่ยอมความได้ ซึ่งในประมวลกฎหมายอาญานั้นจะมีการระบุอย่างชัดเจนว่า ความผิดไหนเป็นความผิดที่ยอมความได้ หากไม่มีการระบุว่าเป็นความผิดอาญาที่ยอมความได้ ให้ถือว่าความผิดนั้นเป็นความผิดต่อแผ่นดินซึ่งไม่สามารถยอมความได้นะครับ
หากความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอาญาที่ยอมความได้นั้นหากมีการถอนฟ้องหรือถอนการแจ้งความหรือทั้งสองฝ่ายมีการเจรจาตกลงยอมความกันแล้ว จะไม่สามารถนำเรื่องนั้นเป็นเหตุแห่งการฟ้องร้องหรือฟ้องซ้ำได้อีก
ความผิดต่อส่วนตัวนั้นต้องมีการร้องทุกข์จากผู้เสียหายก่อนถึงจะเริ่มขั้นตอนการสืบสวนได้
คดีอาญา ถอนแจ้งความได้ไหม ยอมความคดีอาญา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา126 ผู้ร้องทุกข์จะแก้คำร้องทุกข์ระยะใด หรือจะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้
และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29(2) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์ถอนฟ้อง หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
หากเป็นคดีที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว ถ้าฝ่ายโจทก์หรือผู้เสียหายกับจำเลยได้ตกลงที่จะจบคดีกันแล้วจะทำให้สิทธิในการฟ้องคดีนั้นระงับไป แต่ถ้าเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ต่อให้เจ้าทุกข์ถอนฟ้องแล้ว การสืบสวนก็จะดำเนินต่อไปแล้วทางพนักงานสอบสวนนั้นจะส่งให้อัยการฟ้องคดี ต่อไป
คดีอาญา ความผิดอาญาที่ยอมความได้ มีอะไรบ้าง
1.)ความผิดเกี่ยวกับทางการค้า
1.) เอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำให้ปรากฏที่สินค้า หีบ ห่อ วัตถุที่ใช้หุ้มห่อ แจ้งความ รายการแสดงราคา จดหมายเกี่ยวกับการค้าหรือสิ่งอื่นทำนองเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นนั้น
2.) เลียนป้าย หรือสิ่งอื่นทำนองเดียวกันจนประชาชนน่าจะหลงเชื่อว่าสถานที่การค้าของตนเป็นสถานที่การค้าของผู้อื่นที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง
3.) ไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความเท็จเพื่อให้เสียความเชื่อถือในสถานที่การค้า สินค้า อุตสาหกรรมหรือพาณิชย์การของผู้หนึ่งผู้ใด โดยมุ่งประโยชน์แก่การค้าของตน
หากทำผิดตามข้างต้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.)พาและซ่อนเร้นเด็กที่อายุเกิน 15ปีขึ้นไปเพื่อการอนาจาร
“ผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20ปี และปรับตั้งแต่100,000-400,000บาท
ความผิดตามวรรคแรกและวรรคสามเฉพาะกรณีที่กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี เป็นความผิดอันยอมความได้
3.)พาและซ่อนเร้นบุคคลอื่นเพื่อการอนาจารด้วยการข่มขืนใจ
“ผู้ใดพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-10ปี และปรับตั้งแต่20,000-200,000บาท ความผิดตามมาตรานี้ เป็นความผิดอันยอมความได้
4.)การเปิดเผยความลับ
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 322 , 323
- ด้านเอกสาร จดหมาย โทรเลขหรือเอกสารใดๆ เพื่อล่วงรู้ข้อมูลหรือนำข้อความออกมาเปิดเผย ถ้าการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ด้านบุคคล บุคคลที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ แพทย์ , เภสัชกร , คนจำหน่ายยา , นางผดุงครรภ์ , ผู้พยาบาล , นักบวช , หมอความ ทนายความ หรือผู้สอบบัญชี ถ้าอาชีพเหล่านี้นำข้อมูลของลูกค้าหรือคนไข้โดยไม่ได้รับอนุญาตและทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้
5.)การหมิ่นประมาท
- การใส่ความต่อบุคคลที่3 โดยทำให้ผู้นั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
- การใส่ความผู้ที่เสียชีวิต และทำให้บิดา มารดา คู่สมรม หรือบุตรของผู้ตายนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 327
- การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นการทำให้ข้อความหมิ่นประมาทนั้นถูกแพร่กระจาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
ความผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้
อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่อง "รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท"
6.)ความผิดฐานฉ้อโกง
- การทุจริตหลอกลวงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สิน หรือทำ ถอน ทำลายเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
- การฉ้อโกงด้วยการปลอมตัวเป็นคนอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342
- การฉ้อโกงต่อเด็กหรือผู้มีจิตใจอ่อนแอ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342
- ฉ้อโกงโดยการหลอกใช้แรงงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 344
- การฉ้อโกงบริการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345
- โกงประกันวินาศภัย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 347
ความผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้
ยกเว้นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 จะยอมความไม่ได้
อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่อง "ฉ้อโกงอย่างละเอียด"
7.)ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
เพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ย้าย ซ่อนเร้น หรือโอนทรัพย์ให้แก่ผู้อื่น หรือแกล้งว่าเป็นหนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นความผิดอันยอมความได้
8.)ความผิดฐานยักยอกทรัพย์
- ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นและเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352
- ยักยอกทรัพย์สินที่ตนมีหน้าที่ต้องดูแล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353
- ผู้จัดการทรัพย์สิน หรืออาชีพอื่นใดที่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ทำการยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 354
- ยักยอกทรัพย์สินที่ผู้อื่นทำหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 355
ความผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้
9.)ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คือ การที่ทำให้ทรัพย์สินนั้นเสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า โดยที่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่น หากทำต่อเครื่องจักรที่ใช้ในการทำเกษตรกรรม , ปศุสัตว์ , ผลผลิตจากการเกษตร จะต้องรับโทษหนักขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 359
ความผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้
ทำความรู้จักกับความผิดฐาน "ทำให้เสียทรัพย์" มากขึ้น คลิกที่นี่ !
10.)ความผิดฐานบุกรุก
- เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น โดยเป็นการรบกวนต่อการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362
- การย้ายหรือทำลายเสา เขตบอกตำแหน่งของที่ดิน รั้วที่ดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 363
- การเข้าไปอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่มีเจ้าของโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364
ความผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้ ยกเว้น เป็นการบุกรุกที่ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง , บุกรุกโดยมีอาวุธติดตัว , บุกรุกในเวลากลางคืน
อ่านบทความเรื่อง "ความผิดฐานบุกรุก" อย่างละเอียด คลิกเลย !
คดีอาญา มี อะไรบ้าง
สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท
1.)คดีอาญาแผ่นดินที่รัฐเป็นผู้เสียหายเท่านั้น
คือ คดีอาญาที่มุ่งประสงค์จะให้รัฐเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นรัฐหรือเจ้าพนักงานของรัฐเท่านั้นที่จะมีอำนาจในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด รัฐหรือเจ้าหน้าที่รัฐนั้นจึงเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในการฟ้องร้อง
โดยมีความผิดดังต่อไปนี้
- ความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ
- ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ
- ความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ
- ความผิดฐานเคลื่อนย้ายหรือทําลายศพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา199
- ความผิดฐานเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
2.)คดีอาญาแผ่นดินที่มีผู้เสียหาย
คือ คดีอาญาที่ผู้กระทำผิดนั้นได้สร้างความเสียหายแก่ทั้งบุคคลและรัฐ โดยบุคคลและเจ้าพนักงานของรัฐมีอำนาจในการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด เช่น
- ความผิดฐานทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295
- ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
- ความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 137 เป็นต้น
3.)คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวหรือคดีความผิดที่ยอมความได้
หมายความถึงคดีอาญาที่ผู้กระทําความผิดได้กระทําให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหายเป็นส่วนตัวโดยตรง ไม่มีผลกระทบต่อรัฐ สังคมส่วนรวมหรือประชาชนทั่วไป
สรุป
ในการกระทำผิดทางอาญานั้นหากเป็นคดีอาญาที่ยอมความได้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าทุกข์หรือโจทก์ว่าเขาจะยอมความหรือไม่ ทั้งนี้ก็อยู่ที่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยต่างๆ แต่หากเป็นความผิดอาญาแผ่นดินจะไม่สามารถยอมความได้ ต่อให้เจ้าทุกข์หรือโจทก์จะถอนฟ้องก็ตาม เพราะการทำผิดนั้นส่งผลกระทบต่อสังคม หากมีข้อกฎหมายสงสัย ต้องการปรึกษาทนายความ สามารถปรึกษาผ่าน Legardy ได้ตลอด 24 ชั่วโมง