การได้สิทธิและเสียสิทธิของทายาทโดยธรรม : การถูกตัดมิให้รับมรดก
กฎหมายลักษณะมรดกของไทยปรากฏตามบรรพ 6 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินของผู้ตาย รวมทั้งเกี่ยวข้องกับสิทธิหน้าที่ความรับผิดทั้งหมดของผู้ตาย
หากบุคคลใดถึงแก่ความตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์มรดกย่อมตกลงแก่ทายาทโดยธรรมตามที่กฎหมายกำหนดไว้
แต่หากมีการทำพินัยกรรมไว้ทรัพย์มรดกย่อมตกแก่ผู้รับตามเจตนาของผู้ทำพินัยกรรม อย่างไรก็ตามสิทธิอันชอบธรรมทั้งหลายอาจเสียไปได้ด้วยเหตุผลและวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
โดยบทความนี้จะเจาะลึกถึงประเด็นการได้สิทธิและเสียสิทธิของทายาทโดยธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการถูกตัดมิให้รับมรดก ตั้งแต่วิธีการที่กฎหมายรับรอง ผลทางกฎหมาย ตลอดจนการถอนการตัดสิทธิ เพื่อให้ผู้อ่านได้ความรู้และมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
การได้สิทธิของทายาทโดยธรรม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคแรก “เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท” กล่าวคือ เมื่อบุคคลถึงแก่ความตายไม่ว่าจะโดยธรรมชาติหรือโดยผลของกฎหมาย (การถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ) มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาททันทีที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 “ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้” กล่าวคือ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ ทรัพย์สินทุกชนิด ตลอดจนสิทธิ หน้าที่ความรับผิดต่าง ๆ ทายาทต้องรับไปซึ่งทรัพย์สินและหนี้สิน จะขอเลือกรับอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
ประเภททายาท
บุคคลจะเป็นทายาทและมีสิทธิได้รับมรดกก็ต่อเมื่อมีสภาพบุคคลอยู่ในเวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย บุคคลใดหากตายไปก่อนเจ้ามรดกก็จะไม่มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดก ดังนั้น สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ไม่มีสภาพบุคคลที่จะมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายจึงไม่อาจเป็นทายาทได้ ซึ่งทายาทมีสองประเภท ตามมาตรา 1603 คือ
- ทายาทโดยธรรม
- ผู้รับพินัยกรรม
1. ทายาทโดยธรรม
บุคคลธรรมดาที่กฎหมายกำหนดให้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย โดยไม่จำเป็นต้องมีพินัยกรรมระบุชื่อไว้ อาศัยเพียงสิทธิของตนเองโดยทางตรงหรือทางอ้อมตามกฎหมาย ซึ่งทายาทโดยธรรมแบ่งได้เป็นสองประเภท ได้แก่ ญาติและคู่สมรส
ลำดับทายาทโดยธรรมประเภทญาติ
มาตรา 1629 วางหลักว่า “ทายาทโดยธรรมมี 6 ลำดับชั้น และภายใต้บังคับ แห่งมาตรา 1630 วรรคสอง แต่ละลำดับมีสิทธิ์ได้รับมรดกก่อนหลัง ดังต่อไปนี้
- ผู้สืบสันดาน
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
- ปู่ ย่า ตา ยาย
- ลุง ป้า น้า อา
คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรม ภายใต้บังคับของบทบัญญัติพิเศษแห่งมาตรา 1635”
2. ทายาทโดยธรรมประเภทคู่สมรส
เป็นทายาทโดยธรรมประเภทพิเศษ ไม่อยู่ในหลักญาติสนิทตัดญาติห่างจึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกเสมอ ตามมาตรา 1635 ในกรณีที่คู่สมรสยังมีชีวิต การมีสิทธิได้รับมรดกนั้นจะต้องเป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย คือ ต้องจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายกับผู้ตาย การที่ยังมิได้หย่าขาดจากกันทำให้ยังมิได้สิ้นไปซึ่งสิทธิในการสืบมรดกซึ่งกันและกันตามมาตรา 1628
การเสียสิทธิของทายาทโดยธรรม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1599 วรรคท้าย “ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น” โดยเหตุแห่งการเสียสิทธิในการรับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีเหตุอยู่ 4 ประการ ดังนี้
- การกำจัดมิให้รับมรดก
- การตัดมิให้รับมรดก
- การสละไม่รับมรดก
- การเสียสิทธิโดยอายุความ
โดยบทความนี้จะกล่าวถึงเฉพาะการเสียสิทธิประเภทการตัดมิให้รับมรดกเท่านั้น
การตัดมิให้รับมรดก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 “เจ้ามรดกจะตัดทายาทโดยธรรมของตนคนใดมิให้รับมรดกก็ได้แต่ด้วยแสดงเจตนาชัดแจ้ง
(1) โดยพินัยกรรม
(2) โดยทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
ตัวทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกนั้นต้องระบุไว้ให้ชัดเจน
แต่เมื่อบุคคลใดได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกเสียทั้งหมดแล้ว ให้ถือว่าบรรดาทายาทโดยธรรมผู้ที่มิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรม เป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก”
กล่าวคือ ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายสามารถแสดงเจตนาระงับสิทธิของทายาทโดยการตัดมิให้รับมรดกได้และไม่จำเป็นต้องแสดงสาเหตุของการเสียสิทธิดังกล่าว เป็นการกระทำของเจ้ามรดกซึ่งไม่ประสงค์ที่จะให้ทรัพย์มรดกของตนตกทอดแก่ทายาทคนใดก็จะทำการตัดทายาทคนนั้นออกจากกองมรดก
ซึ่งบุคคลที่เจ้ามรดกจะตัดมิให้รับมรดก ได้แก่ ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกเท่านั้น ไม่รวมถึงผู้รับพินัยกรรมด้วย
การแสดงเจตนาตัดมิให้รับมรดกนั้นจะต้องชัดเจนว่าตัดทายาทคนใดต้องไม่คลุมเครือ อาจไม่ระบุชื่อทายาทคนนั้นก็ได้ แต่ต้องระบุสถานะ คุณสมบัติ หรือลักษณะเด่นบางอย่างให้รู้ได้ว่าหมายถึงทายาทคนใด หากเจ้ามรดกไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ถือได้ว่ามิได้เป็นการตัดมิให้รับมรดก
วิธีการตัดมิให้รับมรดก
มาตรา 1608 ทายาทโดยธรรมอาจถูกเจ้ามรดกตัดมิให้รับมรดกได้ 3 วิธี กล่าวคือ
1. การแสดงเจตนาแจ้งชัดโดยพินัยกรรม
กรณีตามมาตรา 1608 วรรคหนึ่ง (1) เจ้ามรดกได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายของตนไว้ โดยต้องทำอย่างสมบูรณ์ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดให้เป็นพินัยกรรม ถ้าหากไม่สมบูรณ์เป็นพินัยกรรมย่อมไม่มีผลใด ๆ ต่อการตัดทายาทมิให้รับมรดกตามที่ระบุในเอกสารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6258/2546
ในการจัดทำเอกสารหมาย ค.29 ตามคำเบิกความของนายแพทย์ ส. และนางสาว พ. ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นแพทย์ผู้ตรวจรักษาและเป็นพยานในหนังสือดังกล่าวไม่ได้ความแน่ชัดว่า ผู้ตายได้ลงลายมือชื่อในเอกสารนี้ต่อหน้าพยานทั้งสองหรือไม่ นอกจากนี้ เอกสารฉบับนี้ก็ยังมีการลบและเติมข้อความในช่องเดือนและปี พ.ศ. ที่ระบุถึงวันจัดทำเอกสารดังกล่าวด้วย โดยผู้ตายเป็นเจ้ามรดกไม่ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้แต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงถือไม่ได้ว่า เอกสารหมาย ค. 29 เป็นพินัยกรรม ที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่มีผลเป็นการตัดผู้ร้องทั้งสองและทายาทโดยธรรมตามที่มีการระบุไว้นั้นมิให้รับมรดกโดยการทำเป็นพินัยกรรม ผู้ร้องทั้งสองมีอำนาจฟ้องคดีนี้
2. การแสดงเจตนาแจ้งชัดโดยทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
กรณีตามมาตรา 1608 วรรคหนึ่ง (2) โดยเจ้ามรดกไม่จำเป็นต้องเขียนเองแต่ต้องลงลายมือชื่อของตนเองไว้ในหนังสือ แล้วมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจหน้าที่กระทำการได้ตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ นายอำเภอ หากอยู่ในกรุงเทพมหานครให้มอบไว้แก่ผู้อำนวยการเขต ทั้งนี้ ไม่รวมถึงเจ้าพนักงานที่ดิน ซึ่งในหนังสือที่มอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีข้อความชัดเจนว่าเป็นการตัดทายาทคนใด การตัดมิให้รับมรดกโดยวิธีนี้มีผลทันทีที่ทำขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมาย แม้เจ้าพนักงานจะปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2520
ส. ทำหนังสือตัดมิให้ ท. ซึ่งเป็นบุตร ส ได้รับมรดกของตน โดยปลัดอำเภอออกไปทำให้ที่บ้าน ส. ในวันหยุดราชการ หนังสือตัดมิให้รับมรดนี้ใช้บังคับได้ หาก ท. ตายก่อน ส. จำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ท. เข้ารับมรดกของ ส. แทนที่ ท. ไม่ได้
3. การตัดมิให้รับมรดกโดยปริยาย
กรณีตามมาตรา 1608 วรรคสอง เป็นการทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกของตนเสียทั้งหมด โดยต้องระบุให้เห็นว่าไม่มีทรัพย์สินใด ๆ หลงเหลืออยู่นอกพินัยกรรมอีกเลย ทายาทอื่นที่มิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรมจึงเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับพินัยกรรมไปในตัว เนื่องจากทรัพย์มรดกตกแก่ผู้รับพินัยกรรมไปหมดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2558
การที่ผู้ตายระบุในพินัยกรรมว่า "ถ้าผู้ตายไม่มีบุตรเพราะไม่เป็นไปตามที่ภริยารับรองก็ให้ทรัพย์สินส่วนของผู้ตายตกแก่ ป. เพียงผู้เดียว" แสดงว่าผู้ตายไม่รู้ว่าผู้ร้องไม่สามารถมีบุตรได้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมจึงมีผลสมบูรณ์ เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมโดยระบุว่ามีความจำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสกับผู้ร้อง ต่อมาผู้ตายก็ได้จดทะเบียนสมรสกับผู้ร้อง ครั้นผู้ตายถึงแก่ความตาย ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีบุตรกับผู้ตายดังผู้ร้องรับรองกับผู้ตายไว้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของผู้ตายตามข้อกำหนดในพินัยกรรม ตามมาตรา 1608 (1) เป็นการตัดทายาทโดยธรรมมิให้รับทรัพย์มรดกโดยพินัยกรรม ตามมาตรา 1608 วรรคท้าย
ผลของการตัดมิให้รับมรดก
การตัดมิให้รับมรดกโดยพินัยกรรมมีผลบังคับเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตายลง หากเป็นการตัดมิให้รับมรดกโดยหนังสือย่อมมีผลทันที ส่วนการตัดมิให้รับมรดกด้วยวาจาไม่สามารถทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2480
เจ้ามรดกจะตัดทายาทมิให้รับมรดกได้ก็ต้องแสดงเจตนาด้วยการทำพินัยกรรมหรือทำเป็นหนังสือจะตัดด้วยปากเปล่าไม่ได้ และทายาทโดยธรรมผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก จะหมดสิทธิในการรับมรดกและไม่มีฐานะเป็นทายาทอีกต่อไป ทายาทนั้นไม่อาจยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7200/2540
แม้จำเลยจะเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก แต่เมื่อเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ผู้อื่นทั้งหมดโดยจำเลยไม่ได้รับมรดกเลย จำเลยจึงเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 วรรคท้ายไม่อยู่ในฐานะเป็นทายาทของเจ้ามรดกที่ยกอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 1755 มาใช้ยันต่อ จ. ผู้รับพินัยกรรมและโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ จ. ได้
การที่ทายาทถูกตัดมิให้รับมรดกไม่ได้มีผลตัดเฉพาะตัวทายาทเท่านั้น แต่มีผลตลอดสายของทายาทคนนั้นเป็น “การตัดตลอดสาย” ทำให้ผู้สืบสันดานของผู้นั้นถูกตัดสิทธิมิให้รับมรดกไปด้วย
การตัดมิให้รับมรดกไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะตัวของทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก และไม่มีบทบัญญัติให้สืบสิทธิหรือรับมรดกแทนที่กันได้ และแม้ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกจะถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก ก็ไม่สามารถรับมรดกแทนที่ได้ ทรัพย์มรดกส่วนที่ทายาทผู้ถูกตัดควรได้รับต้องนำไปแบ่งปันแก่ทายาทอื่นตามกฎหมายต่อไป
การตัดมิให้รับมรดกโดยพินัยกรรม
ต้องถอนโดยพินัยกรรมเท่านั้น เช่น เพิกถอนพินัยกรรมหรือข้อกำหนดพินัยกรรม ทำพินัยกรรมฉบับใหม่ หรือขีดฆ่าทำลายพินัยกรรมฉบับเก่า จะใช้หนังสือถอนการตัดมิให้รับมรดกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10809/2559
ทายาทโดยธรรมผู้ที่มิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรม ย่อมเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 ดังนั้น โจทก์ทั้งเจ็ดจึงถูกตัดโดยผลของพินัยกรรม ทำให้ไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย โจทก์ทั้งเจ็ดจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายตามฟ้องจากจำเลยได้
การถอนการตัดมิให้รับมรดก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1609 “การแสดงเจตนาตัดมิให้รับมรดกนั้นจะถอนเสียก็ได้
ถ้าการตัดมิให้รับมรดกนั้นได้ทำโดยพินัยกรรม จะถอนเสียได้ก็แต่โดยพินัยกรรมเท่านั้น แต่ถ้าการตัดมิให้รับมรดกได้ทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ การถอนจะทำตามแบบใดแบบหนึ่งดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา 1608 (1) หรือ (2) ก็ได้”
เมื่อเจ้ามรดกได้แสดงตัดทายาทคนใดมิให้รับมรดกแล้ว อาจถอนการแสดงเจตนานั้นก็ได้ โดยแบ่งเป็น สองกรณี คือ
- สามารถถอนได้ด้วยพินัยกรรม
- ทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีผลทันทีเมื่อส่งมอบหนังสือการถอนการตัดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือถอน ณ สถานที่เดียวกับที่ได้ทำหนังสือตัดมิให้รับมรดก
บทท้าย
การตัดมิให้รับมรดกต้องเป็นการแสดงเจตนาชัดแจ้งของเจ้ามรดกเพื่อตัดสิทธิทายาทโดยธรรมเท่านั้นไม่ใช้กับผู้รับพินัยกรรม โดยทำได้สองวิธีคือ
- ตัดโดยพินัยกรรม
- ตัดโดยทำหนังสือมอบแก่พนักงานเจ้าหน้าที่
รวมถึงกรณีการพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดของตน ทายาทที่มิได้รับประโยชน์ย่อมเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกโดยปริยาย
ซึ่งผลของตัดการมิให้รับมรดก คือ ทายาทผู้นั้นจะหมดสิทธิรับมรดกและมีผลเป็นการตัดตลอดสายผู้สืบสันดานของผู้นั้นถูกตัดสิทธิมิให้รับมรดกไปด้วย อย่างไรก็ดี การตัดมิให้รับมรดกอาจถูกเพิกถอนได้ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนด
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ








