ผู้จัดการมรดก_ สิทธิ หน้าที่ และวิธีการแต่งตั้งที่คุณต้องรู้!.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-02-08

สวัสดีครับ ผมเป็นแอดมินและนักเขียนประจำ Legardy แพลตฟอร์มที่รวบรวมทนายความผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศไทย จากการที่ได้เห็นคำถามในกระทู้ของเราเกี่ยวกับเรื่องผู้จัดการมรดกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นว่าหลายครอบครัวกำลังประสบปัญหาและต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้ วันนี้ผมจึงรวบรวมความรู้เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกมาแบ่งปันอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและสามารถจัดการมรดกได้อย่างถูกต้อง ราบรื่น

 

ผู้จัดการมรดกคือใคร? สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกคืออะไร?

ผู้จัดการมรดก_ สิทธิ หน้าที่ และวิธีการแต่งตั้งที่คุณต้องรู้! (3).png

ผู้จัดการมรดกเปรียบเสมือนผู้ที่ถือกุญแจสำคัญในการจัดการทรัพย์สินของผู้ตาย โดยกฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ว่าผู้จัดการมรดกมีหน้าที่จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตาย รวบรวมและแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามกฎหมายหรือพินัยกรรม

บทบาทสำคัญของผู้จัดการมรดกในกระบวนการกฎหมาย

เมื่อมีคนเสียชีวิต ทรัพย์สินทั้งหมดจะต้องถูกจัดการอย่างเป็นระบบ ผู้จัดการมรดกมีอำนาจตามกฎหมายในการรวบรวมทรัพย์สิน ชำระหนี้ และแบ่งมรดกให้ทายาท ตามมาตรา 1719 ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับตัวแทนของเจ้าของทรัพย์สิน ซึ่งหมายความว่าต้องจัดการทรัพย์สินด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและรอบคอบ

ความสำคัญของสิทธิและหน้าที่ผู้จัดการมรดก

จากประสบการณ์ที่เห็นในกระทู้ปรึกษากฎหมายของเรา หลายครอบครัวเกิดปัญหาเพราะผู้จัดการมรดกไม่เข้าใจบทบาทของตนเอง บางรายจัดการทรัพย์สินตามใจชอบ ไม่แจ้งความคืบหน้าให้ทายาทรับทราบ หรือแม้แต่นำทรัพย์มรดกไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาจถูกฟ้องร้องได้

กรณีศึกษา  ตัวอย่างความสำเร็จและความล้มเหลวในการจัดการมรดก

  • ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกรณีของครอบครัวหนึ่งที่บิดาเสียชีวิตทิ้งที่ดินและกิจการร้านอาหารไว้ให้ลูก 3 คน พี่ชายคนโตได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก เขาทำหน้าที่อย่างโปร่งใส จัดทำบัญชีทรัพย์สินชัดเจน ประชุมปรึกษาน้องๆ อย่างสม่ำเสมอ และแบ่งมรดกตามพินัยกรรมอย่างเป็นธรรม ทำให้ครอบครัวยังรักใคร่กลมเกลียวกันดี
  • ในทางตรงกันข้าม อีกครอบครัวหนึ่งที่มารดาทิ้งบ้านและเงินฝากไว้ให้ลูก 2 คน น้องสาวที่เป็นผู้จัดการมรดกกลับนำเงินในบัญชีไปใช้ส่วนตัว ไม่ยอมแบ่งให้พี่ชาย จนเกิดการฟ้องร้องและศาลสั่งให้พ้นจากการเป็นผู้จัดการมรดก พร้อมต้องชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย
ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ท่านสามารถอ่านคำปรึกษาจริงได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม

แต่งตั้งผู้จัดการมรดกอย่างไร? ใครมีสิทธิแต่งตั้ง?

การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความราบรื่นในการจัดการทรัพย์สินของผู้ตาย กฎหมายได้กำหนดวิธีการแต่งตั้งไว้ 2 ช่องทางหลัก คือการแต่งตั้งโดยพินัยกรรม และการร้องขอให้ศาลแต่งตั้ง

การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกผ่านพินัยกรรม  กระบวนการที่เจ้ามรดกเลือกเอง

เมื่อเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ สามารถระบุชื่อผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมได้ตามมาตรา 1720 ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะเป็นความประสงค์ของเจ้ามรดกโดยตรง

  • ข้อควรรู้เกี่ยวกับการแต่งตั้งในพินัยกรรม

ตามมาตรา 1726 เจ้ามรดกสามารถกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมได้ เช่น ให้มีอำนาจขายที่ดินบางแปลง หรือจัดการธุรกิจต่อไประยะหนึ่งก่อนแบ่งให้ทายาท ซึ่งผู้จัดการมรดกต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

  • ผลทางกฎหมายเมื่อได้รับแต่งตั้งในพินัยกรรม

เมื่อเจ้ามรดกเสียชีวิต ผู้ที่ถูกระบุชื่อในพินัยกรรมต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรับรองการเป็นผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1713 โดยต้องแนบพินัยกรรมฉบับจริงและเอกสารประกอบ เช่น ใบมรณบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น

 

การแต่งตั้งโดยศาลเมื่อไม่มีพินัยกรรม  ทางเลือกที่พบบ่อย

หากเจ้ามรดกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ หรือทำแต่ไม่ได้ระบุผู้จัดการมรดก ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดกได้ตามมาตรา 1713

ผู้มีสิทธิร้องขอต่อศาล

กฎหมายกำหนดให้บุคคลต่อไปนี้มีสิทธิยื่นคำร้อง

  1. ทายาทโดยธรรม
  2. ผู้รับพินัยกรรม
  3. เจ้าหนี้ของเจ้ามรดก
  4. พนักงานอัยการ (กรณีไม่มีทายาท)

กระบวนการพิจารณาของศาล

ศาลจะพิจารณาความเหมาะสมของผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดกโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น

  • ความสามารถในการจัดการทรัพย์สิน
  • ความน่าเชื่อถือและความซื่อสัตย์
  • การยอมรับจากทายาทคนอื่น
  • ความสัมพันธ์กับเจ้ามรดก

 

การเลือกผู้จัดการมรดกที่เหมาะสม  หัวใจของความสำเร็จ

คุณสมบัติที่ควรพิจารณา

บุคคลที่จะเป็นผู้จัดการมรดกควรมีคุณสมบัติดังนี้ 

  1. มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการทรัพย์สิน
  2. มีความซื่อสัตย์สุจริต
  3. มีเวลาเพียงพอในการจัดการ
  4. สามารถสื่อสารและประสานงานกับทายาทได้ดี

ข้อควรระวังในการเลือกผู้จัดการมรดก

จากกรณีที่พบในกระทู้ปรึกษากฎหมายของเรา มักเกิดปัญหาเมื่อเลือกผู้จัดการมรดกที่ 

  1. มีประวัติการใช้เงินฟุ่มเฟือย
  2. มีความขัดแย้งกับทายาทคนอื่น
  3. ไม่มีความรู้ในการจัดการทรัพย์สิน
  4. มีภาระงานมากจนไม่มีเวลาดูแลกิจการมรดก

 

ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับผู้จัดการมรดก และวิธีแก้ไขที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ความขัดแย้งระหว่างทายาท  บททดสอบความสามารถของผู้จัดการมรดก

การจัดการเมื่อทายาททะเลาะกันเรื่องการแบ่งทรัพย์มรดก

ตามมาตรา 1719 ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของทายาททุกคนอย่างเท่าเทียม กรณีที่พบบ่อยคือทายาทไม่พอใจการแบ่งทรัพย์มรดก โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางจิตใจ เช่น บ้านที่อยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก หรือเครื่องประดับที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน

แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง

ผู้จัดการมรดกควรจัดประชุมทายาททั้งหมด แจ้งรายละเอียดทรัพย์สิน หนี้สิน และแผนการจัดการให้ชัดเจน โดยทำบันทึกการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีข้อโต้แย้ง ให้บันทึกไว้และหาทางประนีประนอม เช่น การประเมินราคาทรัพย์สินโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือการจับสลากในกรณีที่ทรัพย์สินมีมูลค่าใกล้เคียงกัน

 

 

การละเลยหน้าที่ของผู้จัดการมรดก  ปัญหาที่สร้างความเสียหายระยะยาว

ผู้จัดการมรดก_ สิทธิ หน้าที่ และวิธีการแต่งตั้งที่คุณต้องรู้! (2).png

รูปแบบการละเลยหน้าที่ที่พบบ่อย

ตามมาตรา 1729 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการด้วยความระมัดระวังเหมือนวิญญูชนพึงกระทำ แต่ในความเป็นจริงมักพบการละเลยหน้าที่หลายรูปแบบ เช่น 

  • การไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก

กฎหมายกำหนดให้ผู้จัดการมรดกต้องทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วันนับแต่ทราบการตั้ง แต่หลายรายละเลย ทำให้ยากต่อการตรวจสอบและแบ่งมรดกในภายหลัง

  • การไม่ชำระหนี้ตามลำดับที่กฎหมายกำหนด

มาตรา 1741 กำหนดลำดับการชำระหนี้ไว้ชัดเจน แต่ผู้จัดการมรดกบางรายเลือกชำระหนี้ตามใจชอบ ทำให้เจ้าหนี้บางรายเสียเปรียบ

มาตรการทางกฎหมายเมื่อผู้จัดการมรดกละเลยหน้าที่

  • การร้องขอให้ศาลถอดถอน

ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกที่บกพร่องต่อหน้าที่ตามมาตรา 1733 โดยต้องแสดงหลักฐานการละเลยหน้าที่อย่างชัดเจน

  • การเรียกค่าเสียหาย

หากการละเลยหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ทายาทมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ตามมาตรา 1734 รวมถึงดอกเบี้ยในกรณีที่นำเงินไปใช้ส่วนตัว

 

กรณีศึกษา  บทเรียนจากความผิดพลาดในการจัดการมรดก

กรณีที่ 1  การนำทรัพย์มรดกไปใช้ส่วนตัว

ผู้จัดการมรดกรายหนึ่งนำเงินในบัญชีของผู้ตายไปลงทุนในธุรกิจส่วนตัว โดยไม่แจ้งทายาทคนอื่น เมื่อธุรกิจขาดทุน ทำให้เงินมรดกสูญหาย ศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และถูกถอดถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก

กรณีที่ 2  การเพิกเฉยต่อการทำบัญชีทรัพย์มรดก

ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้ชัดเจน ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างทายาทเรื่องทรัพย์สินที่หายไป จนต้องฟ้องร้องกันและเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีมากกว่ามูลค่าทรัพย์มรดกที่เหลือ

 

จัดการมรดกอย่างไรให้ราบรื่น? เคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้จัดการมรดก

การวางแผนล่วงหน้า  กุญแจสู่ความสำเร็จในการจัดการมรดก

การจัดทำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอย่างละเอียด

ตามมาตรา 1728 ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกโดยละเอียด การทำบัญชีที่ดีควรระบุรายละเอียดทรัพย์สินทุกประเภท ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์มีค่า เงินฝากธนาคาร ไปจนถึงหนี้สินต่างๆ พร้อมเอกสารประกอบที่สำคัญ เช่น โฉนดที่ดิน สมุดบัญชีเงินฝาก สัญญากู้ยืม

การประเมินมูลค่าทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม

การประเมินมูลค่าทรัพย์สินควรใช้ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลาง โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงหรือมีความซับซ้อน เช่น ที่ดิน อาคาร หรือธุรกิจ ตามมาตรา 1737 ผู้จัดการมรดกต้องจัดการทรัพย์มรดกด้วยความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชน การประเมินมูลค่าที่เป็นธรรมจะช่วยลดข้อพิพาทระหว่างทายาท

 

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ  หัวใจของการจัดการมรดกที่ราบรื่น

การจัดประชุมทายาทอย่างสม่ำเสมอ

ผู้จัดการมรดกควรจัดประชุมทายาททุกคนอย่างน้อยทุก 3 เดือน เพื่อรายงานความคืบหน้า รับฟังความคิดเห็น และแก้ไขปัญหาร่วมกัน การประชุมควรมีวาระชัดเจน และจัดทำบันทึกการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันข้อพิพาทในอนาคต

การรายงานสถานะทางการเงินอย่างโปร่งใส

ตามมาตรา 1731 ผู้จัดการมรดกต้องทำบัญชีแสดงการจัดการมรดก รายงานการรับจ่ายเงิน และเก็บหลักฐานทางการเงินทุกรายการ ควรจัดทำรายงานการเงินประจำเดือนที่เข้าใจง่าย แสดงยอดรับ-จ่าย และเงินคงเหลือในกองมรดก

 

การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ  เมื่อไหร่ที่ควรขอความช่วยเหลือ

1.สถานการณ์ที่ควรปรึกษาทนายความ

ผู้จัดการมรดกควรขอคำปรึกษาจากทนายความในกรณีต่อไปนี้ 

  • การตีความพินัยกรรมที่ไม่ชัดเจน

เมื่อข้อความในพินัยกรรมกำกวมหรือตีความได้หลายทาง ควรขอคำปรึกษาทนายความเพื่อตีความให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของผู้ทำพินัยกรรมและกฎหมาย

  • การจัดการทรัพย์สินที่มีความซับซ้อน

กรณีมรดกประกอบด้วยธุรกิจ ทรัพย์สินทางปัญญา หรือทรัพย์สินในต่างประเทศ ควรปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย

2.การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและบัญชี

  • การวางแผนภาษีมรดก

ผู้จัดการมรดกควรปรึกษานักบัญชีเพื่อวางแผนการชำระภาษีมรดกและภาษีที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของกองมรดกและทายาท

  • การจัดการบัญชีที่ซับซ้อน

กรณีกองมรดกมีทรัพย์สินจำนวนมากหรือมีธุรกรรมซับซ้อน ควรใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีช่วยจัดทำและตรวจสอบบัญชี

ปุ่มอ่านเพิ่มเติม
ปรึกษาทนายกับ Legardy ฟรี ปรึกษาเลย

 

สรุป  บทบาทสำคัญของผู้จัดการมรดกในการรักษาความสงบสุขของครอบครัว

ผู้จัดการมรดก  ผู้สร้างสมดุลระหว่างกฎหมายและความสัมพันธ์

ความสำเร็จของผู้จัดการมรดกไม่ได้วัดเพียงการแบ่งทรัพย์สินให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทายาท การจัดการมรดกที่ดีจะช่วยให้ครอบครัวยังคงความรักความผูกพันกันต่อไปแม้เจ้ามรดกจะจากไปแล้ว

บทเรียนจากประสบการณ์จริง  แนวทางสู่ความสำเร็จ

จากกรณีที่พบในการปรึกษากฎหมายของเรา ผู้จัดการมรดกที่ประสบความสำเร็จมักมีลักษณะร่วมกันคือ ความซื่อสัตย์ โปร่งใส และมีทักษะการสื่อสารที่ดี พวกเขาไม่เพียงทำตามกฎหมาย แต่ยังคำนึงถึงความรู้สึกของทุกฝ่าย ทำให้การจัดการมรดกเป็นไปอย่างราบรื่นและรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว

บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายและบทบาทของผู้จัดการมรดกในระบบกฎหมายไทย โดยผ่านการศึกษาทั้งในแง่ทฤษฎีและการปฏิบัติ

ในด้านสถานะทางกฎหมาย ผู้จัดการมรดกดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญในฐานะตัวแทนตามกฎหมาย โดยมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 1713 ในการบริหารจัดการทรัพย์มรดก ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การรวบรวม จัดการ และแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท

กระบวนการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกสามารถดำเนินการได้สองแนวทางหลัก กล่าวคือ การระบุในพินัยกรรมตามมาตรา 1720 และการร้องขอให้ศาลแต่งตั้งตามมาตรา 1713 โดยทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งนี้ กฎหมายได้กำหนดกรอบการปฏิบัติหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน รวมถึงการจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในระยะเวลาที่กำหนด การบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง และการชำระหนี้ตามลำดับที่กฎหมายกำหนด

ในแง่ของการแก้ไขปัญหาที่พบในทางปฏิบัติ บทความได้นำเสนอแนวทางการจัดการความขัดแย้งระหว่างทายาทด้วยความเป็นธรรม การป้องกันการละเลยหน้าที่ผ่านระบบบัญชีที่โปร่งใส และความสำคัญของการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่จำเป็น

ท้ายที่สุด ความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการมรดกนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายและการรักษาความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว โดยต้องอาศัยคุณสมบัติสำคัญทั้งความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมรดก โดยนำเสนอทั้งหลักการทางกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ ผ่านการวิเคราะห์กรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง

 

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “