เผยแพร่เมื่อ: 2024-02-17

ให้การเท็จโทษหนักไหม?

โดยปกติแล้วเมื่อมีคดีความเกิดขึ้นถ้าหากตัวเราเองเป็นผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนก็จะมีหน้าที่เรียกตัวเราไปให้การเพื่อสืบหาข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วถ้าการให้การไม่เป็นความจริง จะถือว่ามีความผิดไหม? บทความนี้มีคำตอบ


ให้การเท็จและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ให้การเท็จตรงกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

แต่ถ้าหากการที่ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วให้การเท็จนั้น ตัวผู้ต้องหาเองมีสิทธิที่จะให้การอย่างไรก็ได้ถึงแม้ข้อความที่ให้การดังกล่าวจะไม่เป็นความจริงก็ไม่สามารถเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ได้ หรือเลือกที่จะไม่พูดก็ได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น : A ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืนเมื่อตำรวจจับกุม A ได้ให้การปฎิเสธและบอกว่าBเป็นคนทำทั้งหมด Aเป็นแค่คนที่เดินผ่านทางมา ตามสิทธิ์ของผู้ต้องหาแล้ว Aมีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธหรือให้การเท็จก็ได้ครับ แต่เมื่อตำรวจได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานพบว่า A เป็นคนทำทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเอาผิดAฐานให้การเท็จได้ครับ เนื่องจากเป็นสิทธิของผู้ต้องหา

แล้วถ้าโดนแจ้งความเท็จ สามารถฟ้องกลับได้ไหม หาคำตอบได้ที่นี่ คลิกเลย !


1.png

เบิกความเท็จ ให้การเท็จ ต่างกันอย่างไร?

การเบิกความ คือ การที่บุคคลไปให้ข้อมูลในชั้นศาลเพื่อกระบวนการพิจารณาคดี โดยข้อมูลนั้นศาลจะใช้ประกอบการพิพากษาคดีโดยการให้ข้อมูลนั้นจะเป็นการให้การโดยบุคคล ซึ่งการเบิกความนั้นๆต้องเบิกความเฉพาะสิ่งที่เป็นความจริงและด้วยคำพูดเท่านั้น ห้ามเบิกความด้วยการอ่านเอกสารเว้นแต่ศาลจะอนุญาต หากสิ่งใดไม่แน่ใจให้ทำการตอบศาลท่านไปตรงๆว่าไม่แน่ใจหรือจำไม่ได้เมื่อเบิกความเสร็จแล้วศาลท่านจะทวนคำเบิกความให้ฟังอีกรอบ ถ้ามีข้อความใดที่ไม่ตรงกับที่ได้เบิกความไว้ก็สามารถทักท้วงเพื่อขอแก้ไขได้เช่นกัน 

แต่ถ้าการเบิกความนั้นเป็นเท็จ ซึ่งข้อความที่เป็นเท็จนั้นต้องเป็นใจความสำคัญซึ่งส่งผลต่อการตัดสินแพ้ชนะในคดีความนั้นๆ หากมีการเบิกความเท็จไม่ว่าจะเป็นการโกหก , เพิ่มเติมข้อมูล , หรือการกระทำอื่นใดก็ตามที่ทำให้คำพูดที่เป็นใจความสำคัญนั้นบิดเบือนและส่งผลต่อการพิพากษา ผู้เบิกความเท็จนั้นจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นการเบิกความเท็จในคดีอาญาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท

ในส่วนของการให้การเท็จนั้น จะเป็นการให้การที่ไม่เป็นความจริงในชั้นสอบสวน ถ้าหากอยู่ในชั้นสอบสวนก็ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการที่จะพูดโกหกหรือไม่พูดก็ได้ ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเอาผิดฐานให้การเท็จได้

โดยการที่พิจารณาว่าเบิกความเท็จหรือไม่ต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยดังนี้

1.ข้อความที่เบิกความนั้นเป็นความจริงหรือไม่ หรืออาจเป็นเพียงแค่เล่าในสิ่งตนเองเจอ

2.หากข้อความที่เบิกความนั้นเป็นเท็จ บุคคลที่เบิกความนั้นรู้หรือไม่ว่าเป็นข้อความเท็จหรือบุคคลดังกล่าวเชื่อจริงๆว่าข้อความนั้นเป็นความจริง

3.หากข้อความที่เบิกความนั้นเป็นความเท็จ และตัวบุคคลก็ทราบอยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ แต่รู้หรือไม่ว่าข้อความนั้นส่งผลต่อการแพ้ชนะของคดี

อ่านคำปรึกษาจริงเรื่อง "เบิกความเท็จ ให้การเท็จ" พร้อมคำตอบจากทนายความผู้เชี่ยวชาญ คลิกเลย !

Q: เบิกความเท็จประกันตัวประมานเท่ารัยคับ

Q: แจ้งความเท็จพนักงาน(สอบสวน)

 

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 424/2512

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 จำเลยเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟ้องขอให้โจทก์ชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างพร้อมทั้งดอกเบี้ย โจทก์ให้การต่อสู้ว่า ได้จ่ายเช็คเงินสดชำระหนี้ค่าสิ่งของให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นแล้วแต่เช็คของโจทก์หลายฉบับรับเงินไม่ได้ จำเลยจึงมอบให้นายวินัยนำเช็คไปแจ้งความร้อยตำรวจโทชัยชาญพนักงานสอบสวนได้ให้โจทก์ชำระหนี้จำเลยโดยจำเลยและผู้แทนจำเลยมอบให้ร้อยตำรวจโทชัยชาญเป็นคนกลางรับชำระหนี้แทน โจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยเป็นเงินสดและนางสาวพยุงบุตรสาวโจทก์ได้จ่ายเช็คให้อีก 6 ฉบับจำเลยหรือผู้แทนจำเลยได้รับเงินไปตามเช็คที่ถึงกำหนดแล้วบางฉบับ จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่าโจทก์ไม่เคยออกเช็คชำระหนี้ให้จำเลย จำเลยไม่เคยรู้จักนายวินัย ไม่เคยมอบให้นายวินัยไปแจ้งความเรื่องโจทก์ออกเช็ค โจทก์ไม่เคยเอาเช็คของนางสาวพยุงชำระหนี้จำเลยไม่เคยรับเช็คจากร้อยตำรวจโทชัยชาญ ไม่รู้จักร้อยตำรวจโทชัยชาญ และไม่เคยพิพาทเรื่องเช็คกับโจทก์ ซึ่งข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นพยานนี้เป็นความเท็จ หากศาลหลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยก็อาจทำให้ศาลไม่เชื่อข้อต่อสู้ของโจทก์ว่าได้ชำระหนี้บางส่วนให้จำเลยแล้วย่อมจะตัดสินให้โจทก์แพ้คดี ฉะนั้นคำเบิกความเท็จของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ


2.png

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้การเท็จ และเบิกความเท็จ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137 

“ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา172

ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา173

ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177

“ ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
              ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท "


สรุป

การให้การเท็จหรือเบิกความเท็จนั้นส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเมื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมได้รับข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง แล้วทำให้การตัดสินนั้นผิดพลาด ย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรม

การให้การและการเบิกความตามความจริงนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยทำงานได้ง่ายอีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนได้อีกด้วย หากกำลังมองหาทนายความเพื่อทำการปรึกษา สามารถใช้บริการผ่านทาง Legardy ได้เช่นกันครับ

 

cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
cta
ปรึกษาทนายได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อเราทาง LINE