
ชนแล้วหนีต้องระวังโทษหนัก !
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วสิ่งที่ต้องทำเลยคือ “ห้ามหนี!” ต่อให้เป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็ตาม เพราะว่าตามกฎหมายนั้นได้กำหนดโทษที่หนักสำหรับคนหนี บทความนี้ Legardy จะพาทุกท่านมารู้จักกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชนแล้วหนีและแบบไหนที่เรียกว่าชนแล้วหนีกันครับ

การกระทำแบบไหนบ้างที่นับว่าเป็นการชนแล้วหนีบ้าง
ชนแล้วหนี คือ การกระทำความผิดทางกฎหมายจราจร ที่ผู้ขับขี่รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือยานพาหนะอื่นๆ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แล้วหลบหนีจากที่เกิดเหตุ โดยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ หรือไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่กฎหมายกำหนด
1.การขับรถชนแล้วไม่หยุดรถ
ผู้ขับขี่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้วไม่หยุดรถในทันที แม้ว่าจะไม่ได้ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุก็ตาม ถือว่าเป็นการชนแล้วหนี
2.การไม่ให้ความช่วยเหลือ
ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่ได้ทำการหยุดรถแล้ว แต่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่คู่กรณี เช่น ไม่โทรเรียกรถพยาบาล ไม่โทรแจ้งตำรวจ ไม่พยายามช่วยเหลืองเบื้องต้น ก็ถือว่าเป็นการชนแล้วหนีเช่นกัน
3.การไม่แสดงตัว
ผู้ขับขี่ที่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทันที ก็ถือว่าเป็นการชนแล้วหนี
4.การหลบหนีจากที่เกิดเหตุ
ผู้ขับขี่ที่ขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุทันทีหลังจากเกิดอุบัติเหตุ โดยไม่หยุดรถ ไม่ให้ความช่วยเหลือ และไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการชนแล้วหนีที่ชัดเจนที่สุด
การชนแล้วหนีไม่เพียงแต่หมายถึงการขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุ แต่ยังรวมถึงการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดหลังจากเกิดอุบัติเหตุด้วย
หากเกิดอุบัติรถชนแล้วต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง หาคำตอบได้ที่นี่ !
ชนแล้วหนี โทษ
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 กำหนดให้ผู้ขับขี่ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการโทรแจ้งตำรวจ โทรแจ้งกู้ภัย เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น หากไม่ปฎิบัติตาม มาตรา78 มีโทษดังนี้
กรณีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต มาตรา 160(2)
จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต มาตรา 160(2) วรรคสอง
จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ศาลตัดสินว่าหากผู้ขับขี่ผิดฐานขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต แถมยังชนแล้วหนีอีก ผู้ขับขี่จะต้องรับโทษเพิ่มอีกกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดไว้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุก็ตาม อีกทั้งคนที่ชนแล้วหนีนั้น จะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าว่าเป็นฝ่ายประมาทและต้องรับโทษทางอาญา ซึ่งการที่จะไปแก้ตัวหรือให้ปากคำเพิ่มเติมนั้นจะเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก อีกทั้งหากตำรวจตามรถที่ชนแล้วหนีเจอ บุคคลนั้นต้องมาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากไม่มีบุคคลใดมาแสดงถึงความเป็นเจ้าของรถ หรือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ภายใน6เดือน รถคันดังกล่าวจะถูกยึดและเป็นของหลวงเพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด
อ่านคำปรึกษาจริงพร้อมคำตอบจากทนายความเรื่อง "ชนแล้วหนี" คลิกเลย !
Q: โดนชนแล้วหนี ลูกบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาล
Q: ผมโดนรถเฉี่ยวชนแล้วหนีตอนนี้ จะฟ้องร้องยังไงได้บ้างครับ
โดนชนแล้วหนี เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี เรียกร้องอะไรได้บ้าง
1.ค่ารักษาพยาบาล
ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนโดยผู้เสียหายสำรองจ่ายก่อนแล้วนำใบเสร็จไปเบิกกับคู่กรณีภายหลัง
ค่ารักษาพยาบาลสามารถสามารถใช้สิทธิอะไรได้บ้าง หาคำตอบได้ที่นี่ !
2.ค่ากายภาพบำบัด
เมื่อรักษาพยาบาลเสร็จแล้ว ก็ย่อมต้องมีการฟื้นฟูร่างกาย สามารถเรียกค่ากายภาพบำบัดจากคู่กรณีได้
3.ค่าเดินทางไปรักษา
ค่าใช้จ่ายหากต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นเดินทางผ่านbts หรือค่าน้ำมันก็ตาม
4.ค่าจ้างคนเฝ้าไข้
ค่าใช้จ่ายในการจ้างคนดูแลผู้บาดเจ็บในระหว่างการรักษาตัว
5.ค่าขาดรายได้
ค่าชดเชยรายได้ที่ผู้บาดเจ็บต้องสูญเสียไปเนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เช่น เงินเดือน ค่าจ้างรายวัน
6.ค่าเสียหายที่ไม่ใช่ตัวเงิน
7.ค่ารักษาพยาบาลในอนาคต
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ
8.ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
ค่าชดเชยสำหรับการสูญเสียประโยชน์จากการใช้รถยนต์ที่เสียหาย เช่น ค่าเช่ารถ ค่าเดินทาง
9.ค่าปลงศพ/ค่าจัดงานศพ/ค่าขาดไร้อุปการะ
ในกรณีที่ผู้เสียหายเสียชีวิต ทายาทมีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ และค่าชดเชยสำหรับการสูญเสียรายได้จากผู้เสียชีวิต
ชนแล้วหนี ยอมความได้ไหม ชนแล้วหนีไกล่เกลี่ยได้ไหม ?
ชนแล้วหนีผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทางแพ่งคือค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุครั้งนั้น รวมไปถึงการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อีกทั้งผิดทางอาญาโทษฐานชนแล้วหนี
คดีแพ่ง
หากไกล่เกลี่ยเจรจากันได้อย่างลงตัว ก็สามารถยอมความคดีแพ่งได้ครับ
คดีอาญา
ไม่สามารถยอมความได้ ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ เนื่องจากชนแล้วหนีนั้นเป็นความผิดอาญาแผ่นดินต่อให้เจ้าทุกข์ไม่ติดใจเอาความหรือไม่เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีอำนาจในการดำเนินคดีตามกฎหมาย
แม้จะมีการยอมความกันในเรื่องค่าเสียหายแล้ว ผู้กระทำผิดก็ยังคงต้องรับโทษตามกฎหมายอาญาที่กำหนดไว้สำหรับความผิดฐานชนแล้วหนี
ชนแล้วหนี อายุความ
ทางกฎหมายการชนแล้วหนีถือเป็นความผิดทางอาญา ที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่มีอายุความนานถึง 15 ปี
ชนแล้วหนี ประกันจ่ายไหม
การคุ้มครองกรณีรถชนแล้วหนีของประกันรถยนต์แต่ละชั้น โดยสามารถแบ่งแยกแต่ละชั้นได้ดังนี้
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี สามารถเคลมได้ทันที
- ประกันชั้น 2+ และ 3+ คุ้มครองกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น หากสามารถระบุตัวตนรถคู่กรณีได้ หรือมีหลักฐานบันทึกเหตุการณ์ ก็สามารถเคลมได้
- ประกันชั้น 2 และ 3 ไม่คุ้มครองกรณีชนแล้วหนี เจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
ชนแล้วหนี แจ้งความ โดนชนแล้วหนี แจ้งความ
ให้ไปทำการลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ และร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะว่าใบบันทึกประจำวันนั้นเปรียบเสมือนหลักฐานยืนยันได้ว่าถูกชนแล้วหนีจริงๆ แต่โดยปกติแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา ณ จุดเกิดเหตุเองครับ เพื่อดำเนินการขั้นตอนต่างๆ อย่าลืมที่จะโทรแจ้งตำรวจ และโทรแจ้งกู้ภัย ต่อให้คู่กรณีบาดเจ็บเล็กน้อยก็ต้องเรียกกู้ภัยนะครับ
อยากแจ้งความต้องรู้ ลงบันทึกประจําวัน ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ชนแล้วไม่รับผิดชอบ
กรณีที่เข้าข่ายไม่รับผิดชอบ
1.ผู้ขับขี่ปฏิเสธความผิด
ผู้กระทำผิดปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุ หรือโยนความผิดให้กับคู่กรณี
2.ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย
ผู้กระทำผิดไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ หรือค่าเสียหายอื่น ๆ
3.ไม่ให้ความร่วมมือในแต่ละขั้นตอน
ผู้กระทำผิดไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันภัยในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง หรือไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย
ถ้าคู่กรณีชนแล้วบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ให้ดำเนินการดังนี้
1.เก็บหลักฐาน
- ถ่ายรูปอุบัติเหตุให้ครบทุกมุม โดยเฉพาะป้ายทะเบียนของคู่กรณี
- ตรวจสอบกล้องหน้ารถว่าบันทึกเหตุการณ์ครบถ้วนหรือไม่
- กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง
2.โทรหาตำรวจและประกัน
โทรแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อเจรจากับคู่กรณี และโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นพยานและช่วยในการเจรจา
3.หาพยาน
สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้น และขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ด้วยนะครับ เผื่อในอนาคตเขาอาจเป็นพยานให้คุณได้
4.แจ้งความลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในอนาคต
5.อย่ารีบร้อนยอมความ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่แน่ใจว่ามีอาการบาดเจ็บหรือไม่ เพราะว่าหากเรายอมความไปแล้วค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการรักษาพยาบาลนั้นเราอาจจะต้องเป็นคนจ่ายเอง และไม่สามารถเรียกร้องจากคู่กรณีได้อีกเพราะว่าเรานั้นยอมความไปแล้วนั่นเอง
สรุป
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทุกครั้งสิ่งที่ควรทำคือโทรแจ้งเจ้าหน้าที่และเรียกรถพยาบาล การไม่ช่วยเหลือทั้งๆที่ช่วยได้หรือการที่หนีไปเลย โทษจะหนักและไม่สามารถยอมความได้ หากประกันอีกฝ่ายให้เซ็นเอกสารอะไรก็ตาม ขอให้อ่านอย่างละเอียด และการปรึกษาทนาย ให้ทนายความช่วยอ่านรายละเอียดเอกสารก่อนเซ็น ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกันครับ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุต่างๆ สามารถปรึกษาทนายความผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมง ครับ
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ




