
สวัสดีครับ ผมเป็นแอดมินและนักเขียนประจำ Legardy แพลตฟอร์มที่รวบรวมทนายความผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศไทย จากการดูแลกระทู้ปรึกษากฎหมายในแพลตฟอร์มของเรามาหลายปี พบว่าคำถามเกี่ยวกับ "การครอบครองปรปักษ์" เป็นหนึ่งในประเด็นที่มีผู้สอบถามเข้ามาบ่อยครั้งมาก
โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเห็นกรณีพิพาทเรื่องที่ดินและการครอบครองปรปักษ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก บางคนถูกฟ้องทั้งที่อยู่มาหลายสิบปี บางคนเพิ่งรู้ว่าที่ดินที่ครอบครองมานานแสนนานถูกคนอื่นอ้างกรรมสิทธิ์ แต่ละกรณีล้วนสร้างความกังวลและความทุกข์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น
บทความนี้จะรวบรวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ ตั้งแต่ความหมาย เงื่อนไข ขั้นตอนการฟ้องร้อง ไปจนถึงการป้องกันไม่ให้ที่ดินของคุณถูกครอบครองปรปักษ์ โดยเรียบเรียงจากคำถาม-คำตอบที่พบบ่อยในแพลตฟอร์มของเรา และคำแนะนำจากทนายความผู้เชี่ยวชาญ
ที่สำคัญ เราจะอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษาจริง เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง เพราะเราเชื่อว่า ความรู้ด้านกฎหมายไม่ควรเป็นเรื่องยาก และทุกคนควรเข้าถึงได้
การครอบครองปรปักษ์คืออะไร?

การครอบครองปรปักษ์หมายถึงอะไรในทางกฎหมาย?
การครอบครองปรปักษ์ ถือเป็นวิธีหนึ่งในการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งระบุว่า "บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบ โดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปี ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์"
พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ หากคุณครอบครองที่ดินของคนอื่นมาเป็นเวลานานพอ โดยทำตัวเสมือนเป็นเจ้าของจริงๆ (เช่น สร้างบ้าน ทำกิน หรือดูแลรักษา) กฎหมายอาจให้สิทธิ์คุณในการอ้างความเป็นเจ้าของที่ดินนั้นได้
จากกระทู้ปรึกษากฎหมายในแพลตฟอร์มของเรา พบว่าหลายคนเข้าใจผิดว่าแค่อยู่อาศัยหรือใช้ที่ดินนานๆ ก็จะได้กรรมสิทธิ์ไปเลย ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะต้องผ่านกระบวนการฟ้องร้องต่อศาลและพิสูจน์ให้ได้ว่าครบเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดทุกข้อ
เงื่อนไขการฟ้องครอบครองปรปักษ์มีอะไรบ้าง?
เงื่อนไขสำคัญของการครอบครองปรปักษ์คืออะไร?
หลังจากที่ทนายในแพลตฟอร์มของเราได้ให้คำปรึกษาคดีครอบครองปรปักษ์มาหลายร้อยกรณี พบว่าเงื่อนไขสำคัญที่ศาลใช้พิจารณามีดังนี้
เงื่อนไขที่ 1 ครอบครองโดยเปิดเผย การครอบครองต้องเห็นได้ชัดเจน เช่น สร้างบ้าน ทำรั้ว ปลูกต้นไม้ ทำการเกษตร หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่เข้าไปใช้ที่ดินเป็นครั้งคราว
เงื่อนไขที่ 2 ครอบครองโดยสงบ ต้องไม่ได้มาด้วยการใช้กำลัง ข่มขู่ หลอกลวง หรือแอบเข้าครอบครอง ถ้าเริ่มต้นครอบครองด้วยการบุกรุก แม้จะครอบครองนานแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิอ้างการครอบครองปรปักษ์
เงื่อนไขที่ 3 มีเจตนาเป็นเจ้าของ ต้องแสดงออกว่าตนเป็นเจ้าของ เช่น เสียภาษีที่ดิน ต่อเติมสิ่งปลูกสร้าง หรือทำนิติกรรมต่างๆ ในฐานะเจ้าของ ถ้าเป็นเพียงผู้เช่าหรือผู้อาศัย จะอ้างการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
เงื่อนไขที่ 4 ครอบครองต่อเนื่อง ต้องครอบครองติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ปีสำหรับที่ดิน การครอบครองจะขาดตอนไม่ได้ หากทิ้งที่ดินไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ระยะเวลาจะเริ่มนับใหม่
ระยะเวลาในการครอบครองปรปักษ์นับอย่างไร?
เรื่องการนับระยะเวลาเป็นประเด็นที่มีผู้สอบถามเข้ามาในแพลตฟอร์มบ่อยมาก เพราะมีรายละเอียดที่ต้องระวัง
การนับระยะเวลาแบบต่อเนื่อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 การนับระยะเวลา 10 ปีต้องเป็นการครอบครองต่อเนื่องกัน ไม่สามารถนำระยะเวลาที่ครอบครองหลายช่วงมารวมกันได้ เช่น ครอบครอง 5 ปี แล้วทิ้งที่ดินไป 2 ปี กลับมาครอบครองอีก 5 ปี แบบนี้ไม่นับเป็น 10 ปี แต่จะเริ่มนับใหม่จากตอนที่กลับมาครอบครอง
การนับรวมระยะเวลาของผู้โอน หากได้รับโอนการครอบครองมาโดยชอบ สามารถนำระยะเวลาที่ผู้โอนครอบครองมาก่อนมารวมกับระยะเวลาที่ตนครอบครองได้ เช่น พ่อครอบครองมา 7 ปี แล้วยกให้ลูก ลูกครอบครองต่ออีก 3 ปี ถือว่าครบ 10 ปีแล้ว
ขั้นตอนการฟ้องครอบครองปรปักษ์มีอะไรบ้าง?
ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างในการฟ้องครอบครองปรปักษ์?
จากประสบการณ์ที่เห็นในแพลตฟอร์มของเรา หลายคนมักพลาดตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมเอกสาร ทำให้คดีล่าช้าหรือแพ้คดีไปเลยก็มี เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมมีดังนี้
เอกสารหลักฐานการครอบครอง
- ภาพถ่ายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในช่วงเวลาต่างๆ (ยิ่งเก่ายิ่งดี)
- ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่หรือภาษีโรงเรือน
- ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ
- สัญญาซื้อขาย หรือเอกสารการได้มาซึ่งการครอบครอง
- ทะเบียนบ้าน (ถ้ามี)
เอกสารเกี่ยวกับที่ดิน
- สำเนาโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ (ขอได้จากสำนักงานที่ดิน)
- แผนที่ที่ดินแสดงอาณาเขตที่ครอบครอง
- หนังสือรับรองการทำประโยชน์จากผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน
เอกสารประกอบอื่นๆ
- บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ฟ้อง
- พยานบุคคลที่สามารถยืนยันการครอบครองต่อเนื่อง
- บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ (กรณีมีข้อพิพาท)
ยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ที่ไหนและอย่างไร?
ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะการฟ้องผิดศาลหรือผิดวิธีอาจทำให้คดีถูกยกฟ้องได้
การเลือกศาลที่จะฟ้อง
- ต้องฟ้องที่ศาลที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่
- ถ้าทุนทรัพย์ไม่เกิน 300,000 บาท ฟ้องที่ศาลแขวง
- ถ้าทุนทรัพย์เกิน 300,000 บาท ฟ้องที่ศาลจังหวัด
การเตรียมคำฟ้อง ต้องระบุรายละเอียดสำคัญในคำฟ้อง
- ข้อมูลผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้อง
- รายละเอียดที่ดินที่พิพาท
- ประวัติการครอบครองโดยละเอียด
- คำขอต่อศาล (ขอให้ศาลพิพากษาว่าได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์)
หลังยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ต้องทำอะไรต่อ?
หลังจากยื่นฟ้องแล้ว กระบวนการยังไม่จบ ยังมีขั้นตอนสำคัญที่ต้องเตรียมตัว
การไกล่เกลี่ย ศาลมักจะนัดไกล่เกลี่ยก่อนเริ่มพิจารณาคดี เป็นโอกาสดีที่จะตกลงกันได้โดยไม่ต้องต่อสู้คดียาว
การสืบพยาน
- ต้องนำพยานบุคคลที่รู้เห็นการครอบครองมาเบิกความ
- เตรียมพยานเอกสารทั้งหมดให้พร้อม
- อาจมีการนัดตรวจสอบสถานที่พิพาท
การรอคำพิพากษา คดีครอบครองปรปักษ์อาจใช้เวลาพิจารณานานหลายเดือนหรือเป็นปี ระหว่างนี้ควร
- รักษาการครอบครองไว้อย่างต่อเนื่อง
- เก็บหลักฐานการครอบครองเพิ่มเติม
- ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ
เริ่มเขียนส่วนการป้องกันการถูกครอบครองปรปักษ์นะครับ
จะป้องกันการถูกครอบครองปรปักษ์ได้อย่างไร?
วิธีตรวจสอบที่ดินเพื่อป้องกันการครอบครองปรปักษ์
จากคำถามในแพลตฟอร์มของเรา พบว่าเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่มักรู้ตัวว่าที่ดินถูกบุกรุกก็ต่อเมื่อมีคนครอบครองไปนานแล้ว ดังนั้นการตรวจสอบที่ดินอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก
การตรวจสอบด้วยตนเอง
- ควรไปดูที่ดินอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
- ถ่ายรูปสภาพที่ดินไว้เป็นหลักฐาน
- สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือบุกรุกหรือไม่
- ทำเครื่องหมายแสดงแนวเขตให้ชัดเจน เช่น ปักเสา หรือทำรั้ว
การตรวจสอบทางเอกสาร
- ตรวจสอบการชำระภาษีที่ดินประจำปี
- ขอตรวจสอบข้อมูลที่ดินที่สำนักงานที่ดิน
- เก็บเอกสารสิทธิ์ฉบับจริงไว้ในที่ปลอดภัย
- ทำสำเนาเอกสารสิทธิ์เก็บไว้หลายชุด
การจดทะเบียนที่ดินสำคัญอย่างไรในการป้องกันการครอบครองปรปักษ์?
การจดทะเบียนที่ดินให้ถูกต้องเป็นเกราะป้องกันชั้นดีในการรักษาสิทธิ์ของคุณ
การจดทะเบียนที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบว่าชื่อในโฉนดถูกต้องตรงกับความเป็นจริง
- หากได้รับมรดก ต้องจดทะเบียนรับมรดกให้เรียบร้อย
- กรณีซื้อขาย ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทันที
- อย่าทำสัญญาซื้อขายที่ดินแบบไม่จดทะเบียน
การแจ้งความประสงค์คัดค้านการครอบครอง
- หากพบว่ามีคนบุกรุก ควรแจ้งความที่สถานีตำรวจทันที
- ทำหนังสือแจ้งให้ผู้บุกรุกออกจากที่ดิน
- เก็บหลักฐานการคัดค้านทุกอย่างไว้
- หากจำเป็น อาจต้องฟ้องขับไล่ก่อนครบ 10 ปี
การป้องกันในระยะยาว
- ทำประกันภัยที่ดิน (ถ้าเป็นไปได้)
- มอบหมายให้คนในพื้นที่ช่วยดูแล
- ติดป้ายแสดงความเป็นเจ้าของที่ดิน
- พิจารณาทำประโยชน์ในที่ดิน เช่น ให้เช่า หรือทำการเกษตร
สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าปล่อยที่ดินทิ้งร้างโดยไม่ดูแล เพราะนั่นคือช่องทางที่ทำให้เกิดการครอบครองปรปักษ์ได้ง่ายที่สุด
ฟ้องครอบครองปรปักษ์แล้ว เจ้าของที่ดินเสียสิทธิ์หรือไม่?

สิทธิและหน้าที่ของเจ้าของที่ดินในกรณีการครอบครองปรปักษ์
จากประสบการณ์ดูแลกระทู้ในแพลตฟอร์มของเรา พบว่าเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่มักตกใจและกังวลมากเมื่อมีคนฟ้องครอบครองปรปักษ์ แต่ความจริงแล้ว เจ้าของที่ดินยังมีสิทธิ์หลายประการ
สิทธิ์ในการต่อสู้คดี
- สามารถนำเสนอหลักฐานหักล้างการครอบครอง
- มีสิทธิ์แสดงว่าเคยทักท้วงหรือคัดค้านการครอบครอง
- สามารถพิสูจน์ว่าการครอบครองไม่ครบ 10 ปี
- มีสิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาได้หากไม่เห็นด้วย
การใช้สิทธิ์ทางศาล
- ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกได้ทันทีที่พบ
- เรียกค่าเสียหายจากการใช้ที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
- ยื่นคำร้องขอให้ระงับการก่อสร้างหรือทำประโยชน์
ผู้ครอบครองปรปักษ์มีสิทธิ์อะไรบ้าง?
ในทางกลับกัน ผู้ที่อ้างการครอบครองปรปักษ์ก็มีสิทธิ์ตามกฎหมาย
สิทธิ์ระหว่างการพิจารณา
- ครอบครองที่ดินต่อไประหว่างการพิจารณาคดี
- ทำประโยชน์ในที่ดินตามปกติ
- เก็บผลประโยชน์จากที่ดินระหว่างพิจารณา
- ป้องกันการรบกวนการครอบครอง
ข้อจำกัดของสิทธิ์
- ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดินอย่างมีนัยสำคัญ
- ห้ามโอนสิทธิ์การครอบครองให้ผู้อื่น
- ต้องยอมให้เจ้าพนักงานเข้าตรวจสอบที่ดิน
- ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ
ที่สำคัญ ทั้งสองฝ่ายควรเข้าใจว่าระหว่างการพิจารณาคดี ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ใดๆ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด การกระทำใดๆ ที่กระทบต่อสิทธิ์ของอีกฝ่ายอาจส่งผลเสียต่อคดีได้
ระยะเวลาในการฟ้องครอบครองปรปักษ์คือเท่าไหร่?
ระยะเวลาการครอบครองปรปักษ์ในกฎหมายไทย
ประเด็นเรื่องระยะเวลาการครอบครองปรปักษ์เป็นหัวใจสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 กำหนดระยะเวลาไว้ชัดเจน แต่มีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจ
ระยะเวลาขั้นต่ำตามกฎหมาย การครอบครองที่ดินต้องครบ 10 ปีบริบูรณ์ โดยนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ระยะเวลานี้เป็นหลักการสำคัญที่ศาลใช้พิจารณาและไม่อาจลดหย่อนได้ แม้จะครอบครอง 9 ปี 11 เดือน ก็ถือว่ายังไม่ครบกำหนด
การนับระยะเวลาในกรณีพิเศษ
- กรณีรับมรดก สามารถนับระยะเวลาการครอบครองของผู้ตายต่อเนื่องได้
- กรณีซื้อขาย หากมีการซื้อขายการครอบครองโดยชอบ สามารถนับระยะเวลาต่อเนื่องได้
- กรณีให้ การให้โดยชอบสามารถนับระยะเวลาครอบครองต่อได้
ขั้นตอนการคำนวณระยะเวลาการครอบครอง
การคำนวณระยะเวลาครอบครองต้องพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ
จุดเริ่มต้นการนับระยะเวลา
- วันที่เริ่มเข้าครอบครองที่ดิน
- วันที่แสดงเจตนาเป็นเจ้าของอย่างชัดแจ้ง
- วันที่เริ่มทำประโยชน์ในที่ดิน
- วันที่เริ่มเสียภาษีในฐานะผู้ครอบครอง
การนับระยะเวลาต่อเนื่อง ต้องพิสูจน์ความต่อเนื่องของการครอบครองตลอด 10 ปี โดยไม่มีช่วงขาดตอน ซึ่งอาจพิสูจน์ได้จาก
- ใบเสร็จค่าภาษีที่ดินประจำปี
- ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค
- บันทึกการทำประโยชน์ในที่ดิน
- พยานบุคคลที่รู้เห็นการครอบครอง
เหตุสะดุดหยุดอายุความ การครอบครองอาจสะดุดหยุดลงได้จากเหตุต่างๆ เช่น
- เจ้าของที่ดินมาทักท้วง
- มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับที่ดิน
- ผู้ครอบครองยอมรับสิทธิ์ของเจ้าของ
- มีการทิ้งที่ดินไปโดยไม่มีเหตุอันควร
ผู้ครอบครองปรปักษ์ได้รับผลประโยชน์อะไร?
เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ครอบครองปรปักษ์ชนะคดี ผลประโยชน์ทางกฎหมายที่จะได้รับนั้นมีความครอบคลุมและสมบูรณ์ ประการสำคัญที่สุดคือการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย สามารถดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้เสมือนเป็นเจ้าของที่ดินโดยการได้มาด้วยวิธีปกติ
ในด้านการใช้ประโยชน์ ผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ชนะคดีย่อมมีอำนาจเต็มในการจัดการทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาที่ดิน ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง หรือทำประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำที่ดินไปทำนิติกรรมต่างๆ เช่น ขาย ให้เช่า จำนอง หรือใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินได้
อย่างไรก็ตาม สิทธิ์ที่ได้มาดังกล่าวมาพร้อมกับความรับผิดชอบตามกฎหมาย ผู้ครอบครองปรปักษ์จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของเจ้าของที่ดิน ทั้งการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การดูแลรักษาที่ดินมิให้เป็นแหล่งเสื่อมโทรม และการปฏิบัติตามข้อกำหนดการใช้ที่ดินตามกฎหมายผังเมืองและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติ การได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์นั้นถือเป็นการได้มาโดยสมบูรณ์ ไม่มีข้อจำกัดพิเศษใดๆ ที่แตกต่างจากการได้มาด้วยวิธีปกติ เช่น การซื้อขาย หรือการรับมรดก ดังนั้น ผู้ครอบครองปรปักษ์จึงสามารถใช้สิทธิ์ต่างๆ ในฐานะเจ้าของได้อย่างเต็มที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับขั้นตอนการฟ้องครอบครองปรปักษ์
1.ฟ้องครอบครองปรปักษ์ใช้เวลานานเท่าไหร่?
การดำเนินคดีครอบครองปรปักษ์นั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาพอสมควร โดยทั่วไปกระบวนการทางศาลมักใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของพยานหลักฐาน จำนวนคู่ความ และประเด็นข้อพิพาทในคดี หากมีการอุทธรณ์หรือฎีกา อาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ปี
2.ค่าใช้จ่ายในการฟ้องครอบครองปรปักษ์แพงไหม?
ในการฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ ค่าใช้จ่ายหลักประกอบด้วยค่าธรรมเนียมศาลซึ่งคำนวณจากทุนทรัพย์ (ราคาประเมินที่ดิน) ค่าทนายความ และค่าใช้จ่ายในการรวบรวมพยานหลักฐาน เช่น ค่าทำแผนที่ ค่ารังวัด ค่าถ่ายเอกสาร ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการนำพยานมาศาล โดยรวมอาจต้องเตรียมงบประมาณตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับมูลค่าที่ดินและความซับซ้อนของคดี
3.หากถูกฟ้องครอบครองปรปักษ์ควรทำอย่างไร?
เมื่อถูกฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการคือการศึกษาคำฟ้องและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด จากนั้นควรปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแนวทางต่อสู้คดี โดยเฉพาะการพิสูจน์การใช้สิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน การทักท้วงการครอบครอง หรือการแสดงให้เห็นว่าการครอบครองนั้นไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย
ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ปรึกษาทนายผู้เชี่ยวชาญผ่าน Legardy 📱 พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เรามีทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านที่ดินและอสังหาริมทรัพย์พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคดีของคุณอย่างใกล้ชิด เพื่อปกป้องสิทธิ์ของคุณอย่างเต็มที่
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ







