"อนาจาร" หมายความว่าอะไร การกระทำแบบไหนเป็นอนาจาร ?
เชื่อเหลือเกินว่าหลายๆ คงเคยได้ยินคำว่า “อนาจาร” กันมาบ้าง แล้วเคยสงสัยกันไหมครับว่า คำว่าอนาจารตามกฏหมายแล้วมีหมายความว่าอย่างไร แล้วการกระทำแบบไหนที่จะถือว่าเป็นการอนาจารบ้าง ผมจะมาอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจแบบง่ายๆ ในบทความนี้ครับ
กฎหมายเกี่ยวกับอนาจาร
“อนาจาร” เป็นองค์ประกอบของฐานความผิดหลายๆ ฐานในประมวลกฎหมายอาญาโดยมีมาตราที่เกี่ยวข้องกับการอนาจารอยู่หลายมาตราด้วยกัน เช่น อนาจารบุคคลอยุกว่า 15 ปีโดยการขู่เข็ญ ฯ มาตรา 278 , อนาจารผู้เยาว์ 279 , พาผู้อื่นไปเพื่อนการอนาจาร 283 ทวิ 284 ฯ
โดยคำว่า “อนาจาร” นี้ศาลฎีกาได้ให้ความหมายอย่างกว้างไว้ว่าหมายถึง “การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศหรือทำให้อับอายในทางเพศ” มาถึงตรงนี้หลายๆ คนคงสงสัยกันแล้วใช่ไหมหล่ะว่าการกระทำที่ไม่สมควรทางเพศหรือทำให้อับอายทางเพศเนี่ยมันมีอะไรบ้าง ลักษณะของการกระทำต้องเป็นแบบไหน เราจะมาดูตัวอย่างจากคำพิพากษาฎีกาไปด้วยกันครับ
ตัวอย่างเกี่ยวกับการอนาจาร
1.การกระทำชำเราที่มีลักษณะเป็นความผิด ถือเป็นการอนาจารอยู่ในตัว
คำพิพากษาฎีกาที่ 7853/2549
“...ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก และความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 284 วรรคแรก จำเลยมีเจตนาเดียวกันคือพาผู้เสียหายไปกระทำชำเรา การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท...”
2.กอดคอ จับแขน ผู้อื่นเพื่อพาเข้าโรงแรม
คำพิพากษาฎีกาที่ 3953/2539
“...จำเลยกอดคอผู้เสียหายและจับแขนผู้เสียหายลากเพื่อจะพาเข้าห้องพักในโรงแรม เป็นการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศ มีความผิดฐานกระทำอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278...”
3.ดึงกางเกงของผู้อื่นหลุดออก
คำพิพากษาฎีกาที่ 985/2546
“...จำเลยดึงกางเกงของผู้เสียหายหลุดออกอันเป็นการกระทำผิดฐานอนาจารผู้เสียหาย...”
ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !
4.ตั้งกล้องบันทึกภาพใต้กระโปรงผู้อื่น
คำพิพากษาฎีกาที่ 12983/2558
“...การที่จำเลยแอบติดตั้งกล้องบันทึกภาพไว้ที่ใต้โต๊ะทำงานของโจทก์ร่วม และบันทึกภาพสรีระร่างกายของโจทก์ร่วมตั้งแต่ช่วงลิ้นปี่จนถึงอวัยวะช่วงขามองเห็นกระโปรงที่โจทก์ร่วมสวมใส่ ขาท่อนล่างและขาท่อนบนของโจทก์ร่วม โดยที่กล้องบันทึกภาพมีแสงไฟสำหรับเพิ่มความสว่างเพื่อให้มองเห็นภาพบริเวณใต้กระโปรงของโจทก์ร่วมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น การกระทำของจำเลยส่อแสดงให้เห็นถึงความใคร่และกามารมณ์ โดยที่โจทก์ร่วมมิได้รู้เห็นหรือยินยอม อันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศต่อโจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แม้จำเลยจะมิได้สัมผัสต่อเนื้อตัวร่างกายของโจทก์ร่วมโดยตรง แต่การที่จำเลยใช้กล้องบันทึกภาพใต้กระโปรงโจทก์ร่วมในระยะใกล้ชิด โดยโจทก์ร่วมไม่รู้ตัวย่อมรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำโดยประสงค์ต่อผลอันไม่สมควรในทางเพศต่อโจทก์ร่วม โดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 1 (6) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งการใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 278 นอกจากหมายความว่า ทำการประทุษร้ายแก่กายแล้ว ยังหมายความว่าทำการประทุษร้ายแก่จิตใจด้วย ไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าว ทำให้โจทก์ร่วมต้องรู้สึกสะเทือนใจอับอายขายหน้า จึงถือว่าเป็นการประทุษร้ายแก่จิตใจของโจทก์ร่วมแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอนาจารโจทก์ร่วม ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 278...”
5.จูบศีรษะผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม
คำพิพากษาฎีกาที่ 1612/2552
“...การที่จำเลยเข้ามาทางด้านหลังแล้วจูบศรีษะโจทก์ร่วมโดยโจทก์ร่วมไม่ยินยอมถือได้ว่าโจทก์ร่วมถูกจำเลยกระทำอนาจารโดยโจทก์ร่วมอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ตาม ป.อ. มาตรา 278...”
6.พาผู้อื่นไปเป็นภริยาโดยผู้พาเคยอยู่กินกับผู้นั้นมาก่อนไม่เป็นการอนาจาร
คำพิพากษาฎีกาที่ 3343/2534
“...จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยา ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยมิได้ใช้กำลังบังคับพาไปโดยผู้เสียหายกับจำเลยเคยอยู่กินฉันสามีภรรยามาก่อน จำเลยมิได้มีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้เสียหายจะเป็นหญิงผู้เยาว์อายุ 17 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย และพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284และมาตรา 318...”
เมื่อเรารู้แล้วว่าการกระทำแบบไหนเป็นอนาจาร ก็ไม่ได้หมายว่าหากเราทำแบบนั้นแล้วเราจะมีความผิดเกี่ยวกับการอนาจารเสมอไป แต่ยังต้องมีพฤติการณ์อื่นๆ ประกอบด้วย เช่น มาตรา 278 ต้องเป็นการอนาจารโดยการขู่เข็ญหากผู้ถูกกระทำยินยอมก็ไม่มีความผิด
คำพิพากษาฎีกาที่ 2049/2529
“...ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้ แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร...”
จากตัวอย่างการกระทำที่เป็นการอนาจารข้างต้น จะเห็นว่าคำว่าอนาจารนั้นความหมายค่อนข้างกว้างและซุ่มเสี่ยงต่อการที่เราจะกระทำความผิดเกี่ยวกับการอนาจารได้ง่ายมากๆ จึงหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้เพื่อนๆ สามารถใช้ระมัดระวังตัวเองไม่ทำตัวเองให้สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำอนาจารจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเป็นคดีความ และไม่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลกันทุกคนนะครับ
จนกว่าจะเจอกันในบทความใหม่ๆ วันนี้ไปก่อนครับ บายยย หากมีข้อสงสัยต้องการปรึกษาทนายความเพื่อหาทางออกกฎหมาย สามารถติดต่อผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมงครับหรือคลิกที่นี่ได้เลย !