เผยแพร่เมื่อ: 2024-03-04

ข้อกฎหมายที่ควรรู้เกี่ยวกับการทะเลาะวิวาท

              การทะเลาะวิวาทนอกจากจะก่อนความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นแล้วยังเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย แล้วเคยสงสัยกันไหมครับว่าคดีทะเลาะวิวาทเป็นคดีอะไร มีความผิดฐานใดบ้างเป็นคดีแพ่งหรืออาญาในบทความนี้มีคำตอบครับ

Untitled design.png


ทะเลาะวิวาทเป็นความผิดแบบไหน?

คดีทะเลาะวิวาทเป็นความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา 

ในทางอาญาผู้กระทำจึงต้องรับโทษทั้งในทางอาญา เช่น จำคุก ปรับฯ ดังนั้นคำถามที่ว่าคดีทะเลาะวิวาทแจ้งความได้ไหม? ก็ต้องตอบว่าผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการทะเลาะวิวาทสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจได้ 

"ทำไมไปแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการให้ ?" หาคำตอบได้ที่นี่ !

ในส่วนของความรับผิดทางแพ่งนั้น 

ผู้ที่ทะเลาะวิวาทเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นก็ยังต้องรับผิดชำระค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งฐานละเมิด ผู้ได้รับความเสียหายจึงฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้อีกทางหนึ่งด้วย เราลองมาดูความรับผิดที่มักจะมาพร้อมกับการทะเลาะวิวาทกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง

ความรับผิดทางแพ่งในคดีทะเลาะวิวาท

              อย่างที่กล่าวมาในตอนต้นแล้วว่าคดีทะเลาะวิวาทเป็นความผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง โดยในส่วนของความรับผิดทางแพ่งนี้เรียกว่าความรับผิดในทางละเมิดตามประมวลกฎหมายพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 เช่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย นอกจากจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้วผู้กระทำยังต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่เกิดจากการทำร้ายด้วยได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์เพราะไม่สามารถทำงานได้


คดีทำร้ายร่างกายยอมความได้ไหม? 

ก็ต้องตอบว่าคดีที่เกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทส่วนใหญ่เป็นคดีที่เรียกว่าอาญาแผ่นดินจึงไม่สามารถยอมความได้ครับ

 

 


ทะเลาะวิวาทแจ้งความ

การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจึงสามารถดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาไปได้พร้อมกัน ดังนั้นผู้ที่ถูกทำร้ายนอกจากมีสิทธิแจ้งความกับเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีในส่วนอาญาแล้ว ยังสามารถเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งไปได้ในคราวเดียวกันได้ด้วย แต่ความรับผิดในทางแพ่งนี้คู่กรณีสามารถตกลงยอมความกันในทางแพ่งได้ ซึ่งต่างจากความรับผิดในทางอาญาที่ไม่สามารถยอมความกันได้

คดีแพ่งกับคดีอาญาต่างกันอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่ คลิกเลย !

Untitled design (1).png


ความรับผิดทางอาญาในคดีทะเลาะวิวาท

คำถามที่หลายคนมักจะสงสัยกันว่า การทะเลาะวิวาทโทษทางอาญาเป็นอย่างไร? ทะเลาะวิวาทเสียค่าปรับล่าสุดเท่าไหร่?

คำตอบขึ้นอยู่กับเจตนาและผลของการกระทำซึ่งสามารถแบ่งโทษที่อาจจะเกิดจากการทะเลาะวิวาทได้หลายฐาน 

เช่นทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ฆ่า ฯ และเจ้าพนักงานตำรวจจะลงโทษตามความผิดฐานใดจะเป็นคดีทำร้ายร้างกาย ที่ต้องขึ้นศาล หรือเพียงเสียค่าปรับนั้นขึ้นอยู่กับดุลพิพิจของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ลักษณะของการกระทำความผิดและอันตราโทษของความผิดนั้น จะมีความผิดอาญาฐานใดที่เข้าข่ายต้องรับผิดบ้างเราลองมาดูกันครับ

ทะเลาะวิวาท กับ ทำร้ายร่างกาย ต่างกันอย่างไรในทางคดีความ

1.ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

เป็นกรณีที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาทมีเจตนาฆ่าอีกฝ่ายไม่ว่าจะโดยประสงต่อผลหรือเล็งเห็นผลก็ตาม เช่น ใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่าย ใช้มีดฟันบริเวณอวัยวะสำคัญด้วยความแรงหรือฟันที่เดิมหลายๆ ครั้ง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288

มีอัตราโทษ ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี

2.ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

เป็นกรณีที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาทมีเจตนาเพียงที่จะทำร้ายอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ผลของการทำร้ายเป็นเหตุให้คู่กรณีถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำร้าย เช่น ใช้มือผลักหรือชกต่อยคู่กรณีแม้ผู้กระทำมีเพียงเจตนาทำร้าย แต่หากคู่กรณีล้มเป็นเหตุให้ศีรษะฟาดพื้นถึงแก่ความตายผู้ที่ผลักหรือชกต่อยย่อมมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 

มีอัตราโทษจำคุก 3 -15 ปี

เจตนาฆ่ากับทำร้ายพิจารณาจากอะไรบ้าง? หาคำตอบได้ที่นี่ คลิกเลย !

3.ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราสาหัส

เป็นกรณีที่ผู้ทะเลาะวิวาทมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นแต่การทำร้ายนั้นเป็นเหตุให้คู่กรณีที่ร่วมทะเลาะวิวาทบาดเจ็บอันตรายสาหัส โดยคำว่าอันตรายสาหัสได้แก่

              (1) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด เสียความสามารถในการรับรส

              (2) เสียอวัยวะในการสืบพันธุ์หรือความสามารถในการสืบพันธุ์

              (3) เสียแขน มือ เท้า ขา หรืออวัยวะอื่นๆ

              (4) เสียโฉมอย่างติดตัว

              (5) แท้งลูก

              (6) จิตพิการอย่างติดตัว

              (7) ทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วยด้วยอาการเรื้อรังตลอดชีวิต

              (8) เจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือไม่สามารถทำงานตามปกติได้เกินกว่า 20 วัน

ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 มีอัตราโทษจำคุก 6 เดือน – 10 ปี และปรับ 10,000 – 200,000 บาท

4.ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

เป็นกรณีที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายคู่กรณีเป็นเหตุให้คู่กรณีได้รับอันตราแก่ร่างกายหรือจิตใจแต่ไม่ถึงขนาดได้รับอันตราสาหัสตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เช่น ใช้ไม้ตีใช้มือชกต่อยทำให้คู่กรณีศีรษะแตก ใช้มีฟันคู่กรณีทำให้คู่กรณีต้องเย็บ 10 เข็มแต่ใช้เวลารักษาตัวไม่เกิน 20 วันเป็นต้น ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295

ความผิดฐานทำร้ายร่างกายโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,00 หรือทั้งจำทั้งปรับ

5.ความผิดฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

เป็นกรณีที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาทมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ผลของการทำร้ายนั้นทำให้คู่กรณีไม่ถึงกับได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 ตัวอย่างเช่น ชกต่อย ตบ เตะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นเกิดเพียงลอบแผลฟกช้ำเป็นต้น 

ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6.ความผิดฐานมั่วสุมกันเพื่อทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

เป็นกรณีที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาทรวมกลุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อไปทะเลาะวิวาทกับคู่กรณีโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 

มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

7.ความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุลต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

เป็นกรณีที่การทะเลาะวิวาทนั้นมีลักษณะเป็นการร่วมกันทะเลาะวิวาทโดยสามารถแบ่งฝ่ายได้ตั้งแต่ 3 ฝ่ายขึ้นไปและการทะเลาะวิวาทนั้นเป็เหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเข้าร่วมทะเลาะวิวาทด้วยหรือไม่ถึงแก่ความตาย ผู้ร่วมทะเลาะวิวาททุกคนต้องรับผิดในผลของความตายนั้นแม้จะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าหรือทำร้ายผู้ตายก็ตาม ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 294 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่น  C เห็น A กับ B กำลังทะเลาะกัน C นึกสนุกจึงเข้าไปร่วมทะเลาะวิวาทด้วยโดยที่ C ไม่ได้เข้าไปช่วยฝ่ายใด หากต่อมา A ใช้ปืนยิง B ตายในระหว่างทะเลาะวิวาทนั้น C ต้องรับโทษตามมาตรา 294 ด้วยแม้ไม่ใช่คนลงมือฆ่า B ก็ตาม

8.ความผิดฐานเข้าร่วมชุลมุลต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส

เป็นกรณีที่การทะเลาะวิวาทนั้นมีลักษณะเป็นการร่วมกันทะเลาะวิวาทโดยสามารถแบ่งฝ่ายได้ตั้งแต่ 3 ฝ่ายขึ้นไป เช่นเดียวกับ ข้อ 7 เพียงแต่ผลการทะเลาะวิวาทนั้นเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเข้าร่วมทะเลาะวิวาทด้วยหรือไม่ได้รับอันตราสาหัสตามที่กล่าวมาแล้วใน ข้อ 3 ตาม ผู้ร่วมทะเลาะวิวาททุกคนต้องรับในผลของการที่ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสนั้นแม้จะไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำร้ายผู้นั้นก็ตาม ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่น C เห็น A กับ B กำลังทะเลาะกัน C นึกสนุกจึงเข้าไปร่วมทะเลาะวิวาทด้วยโดยที่ C ไม่ได้เข้าไปช่วยฝ่ายใด หากต่อมา A ทำร้าย B ตายในระหว่างทะเลาะวิวาทนั้นเป็นเหตุให้ Bได้รับอันตรายสาหัส C ต้องรับโทษตามมาตรา 299 ด้วยแม้ไม่ใช่คนลงมือทำร้าย B ก็ตาม

9.ความผิดฐานพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร

เป็นกระที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาทกระทำโดยมีอาวุธไม่ว่าจะเป็น มีด ไม้ ปืนติดตัวไปด้วยโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันสมควรไปในเมือง หมู่บ้านหรือที่สาธารณะ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 

มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

10.ความผิดฐานยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร

              เป็นกรณีที่การทะเลาะวิวาทกระทำโดยการใช้อาวุธปืนและมีการยิงปืนเกิดขึ้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 

มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

11.ความผิดฐานทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะ

เป็นกรณีที่การทะเลาะวิวาทกระทำในที่สาธารณะเป็นเหตุให้เสียงความสงบเรียบร้อยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 372 

มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

12.ความผิดฐานแสดงอาวุธในการทะเลาะวิวาท

เป็นกรณีที่ผู้ร่วมทะเลาะวิวาทมีการแสดงอาวุธในระหว่างที่มีการทะเลาะวิวาท เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 379 

มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

13.ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490

เป็นกรณีที่ผู้ทะเลาะวิวาทใช้อาวุทธปืนในการทะเลาะวิวาทและอาวุธปืนนั้น ไม่มีทะเบียนหรือ หรือมีทะเบียนแต่ไม่มีใบอนุญาตพกพาซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7 , 8 ทวิ 

มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 2,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


สรุป

ถึงตรงนี้แล้วคงจะเห็นว่าการทะเลาะวิวาทนี้มีความเสี่ยงต่อการกระทำความผิดตามกฎหมายมากมาย หวังว่าหากได้อ่านกันมาจนถึงตรงนี้หวังว่าจะช่วยเป็นเครื่องเตือนใจให้หายคนที่กำลังคิดจะไปทะเลาะวิวาทกับคนอื่นให้ฉุกคิดถึงข้อดีข้อเสียของการทะเลาะวิวาทที่กำลังจะไปกระทำ และเป็นวิธีการแก้ปัญหาสำหรับหลายคนที่ผิดพลาดและลงมือกระทำความผิดไปแล้วรวมทั้งผู้ได้รับความเสียหายจากการทะเลาะวิวาทด้วยครับ

หากกำลังทุกข์ใจปัญหาเรื่องกฎหมายอยู่ สามารถปรึกษาทนายความผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมง หรือกดลิงค์นี้ได้เลยครับ !

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
ติดต่อเราทาง LINE