
สมรสเท่าเทียม 2568: คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่
ผมต้องบอกว่า พรบ.สมรสเท่าเทียมที่เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่หลายคู่รักรอคอยมานาน การที่ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่รับรองการสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่เรื่องของสิทธิ แต่เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านครอบครัว การเงิน และชีวิตประจำวัน
สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจคือ กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างหรือสิทธิพิเศษ แต่เป็นการขยายสิทธิที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมทุกคน ผมจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงรายละเอียดที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
สมรสเท่าเทียมคืออะไร? กฎหมายแก้ไขอะไรในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

สมรสเท่าเทียม หมายถึงการแก้ไขกฎหมายแพ่งให้คู่รักทุกเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้เท่าเทียมกัน โดยเปลี่ยนถ้อยคำจาก "ชาย-หญิง" เป็น "คู่สมรส" ที่เป็นกลางทางเพศ
มาเข้าใจกันก่อนว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้เปลี่ยนอะไรบ้าง ผมจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ
การเปลี่ยนแปลงหลักในกฎหมาย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเปลี่ยนคำศัพท์ที่ระบุเพศให้เป็นคำที่เป็นกลาง เช่น
- "ฝ่ายชาย-ฝ่ายหญิง" กลายเป็น "ผู้หมั้นและผู้รับหมั้น"
- "สามี-ภริยา" กลายเป็น "คู่สมรส"
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้คู่รักเพศเดียวกันได้รับสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกับคู่สมรสต่างเพศทุกประการ ไม่ใช่การสร้างกฎหมายใหม่แยกต่างหาก แต่เป็นการขยายขอบเขตของกฎหมายเดิมให้ครอบคลุมทุกคน
ประเด็นที่หลายคนไม่ทราบ
ความจริงแล้ว การแก้ไขครั้งนี้ยังปรับปรุงเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น การยกระดับอายุขั้นต่ำในการสมรสจาก 17 ปี เป็น 18 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล
ที่สำคัญคือ กฎหมายฉบับนี้มีชื่อเป็นทางการว่า "พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการปรับปรุงกฎหมายเดิม ไม่ใช่การสร้างกฎหมายพิเศษใหม่
มีผลใช้เมื่อไร นับ 120 วัน–วันเริ่มจดทะเบียนได้จริง

กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 หลังจากครบกำหนด 120 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผมจะอธิบายไทม์ไลน์ให้ชัดเจน พร้อมเหตุผลเบื้องหลังที่หลายคนอาจไม่รู้
- 18 มิถุนายน 2567: วุฒิสภาลงมติเห็นชอบ 130 ต่อ 4 เสียง
- 24 กันยายน 2567: ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- 22 มกราคม 2568: ครบ 120 วันตามกฎหมาย
- 23 มกราคม 2568: วันแรกที่สามารถจดทะเบียนได้จริง
ทำไมต้องรอ 120 วัน?
สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมกฎหมายที่ผ่านรัฐสภาแล้วต้องรออีก 120 วัน? ผมต้องบอกว่า ช่วงเวลานี้ไม่ใช่การผลัดวัน แต่เป็นระยะเตรียมความพร้อมที่จำเป็นมาก
ในช่วง 120 วันนี้ หน่วยงานรัฐต่างๆ ต้องดำเนินการหลายอย่าง ได้แก่ การปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์และแบบฟอร์มต่างๆ ให้รองรับกฎหมายใหม่, การอบรมเจ้าหน้าที่นายทะเบียนทั่วประเทศให้เข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงาน, การประสานงานและทำความเข้าใจกับสถานทูตไทยทั่วโลก รวมถึงการเตรียมคำแนะนำและเอกสารสำหรับประชาชนให้ครบถ้วน
ตารางสรุปเพื่อความเข้าใจง่ายๆ
หัวข้อ | ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เดิม | ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 (สมรสเท่าเทียม) |
การหมั้น–การสมรส | ระบุคู่ความเป็น “ชาย–หญิง” | ใช้คำที่เป็นกลางทางเพศ “ผู้หมั้น–ผู้รับหมั้น / คู่สมรส” ครอบคลุมทุกเพศ |
อายุขั้นต่ำในการหมั้น–สมรส (อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมีความยินยอมจากบิดามารดา) | 17 ปีบริบูรณ์ | 18 ปีบริบูรณ์ |
สมรสกับคนต่างชาติโดยใช้กฎหมายไทย | จำกัดเฉพาะ “ชาย–หญิง” | ทำได้สำหรับ “คู่สมรส” ทุกเพศตามกฎหมายไทย |
การรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน | ✓ | ✓ |
สิทธิในการรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม | ✓ | ✓ |
สิทธิในการใช้นามสกุลคู่สมรส | ✓ | ✓ |
ให้ความยินยอมทางการแพทย์แทนคู่สมรส (กรณีอีกฝ่ายไม่สามารถให้ความยินยอมได้) | ✓ | ✓ |
สิทธิประโยชน์ทางภาษี (เช่น ยื่นภาษีรวม–ลดหย่อนคู่สมรส) | ✓ | ✓ |
ใครจดได้บ้าง คุณสมบัติ อายุขั้นต่ำ ข้อห้าม และเงื่อนไข "310 วัน"

คุณสมบัติในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเหมือนกับการสมรสทั่วไป แต่ต้องเข้าใจเงื่อนไขพิเศษและข้อจำกัดที่อาจกระทบการตัดสินใจ
คุณสมบัติพื้นฐาน
- อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (เพิ่มขึ้นจากเดิม 17 ปี)
- มีสภาพจิตปกติ สามารถให้ความยินยอมได้
- ไม่มีคู่สมรสอื่นอยู่แล้ว
- ไม่เป็นญาติสายตรงหรือพี่น้องร่วมบิดามารดา
เงื่อนไข "310 วัน" ที่หลายคนไม่รู้
เงื่อนไขนี้มีเหตุผลสำคัญหลายประการ ได้แก่ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องสายเลือดของบุตรที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้หญิงตั้งครรภ์อยู่แล้วก่อนหย่า หรือตั้งครรภ์หลังหย่าไม่นาน หากแต่งงานใหม่เร็วเกินไปจะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าบุตรที่เกิดมาเป็นบุตรของสามีเก่าหรือสามีใหม่ เนื่องจากระยะเวลาการตั้งครรภ์ปกติอยู่ที่ประมาณ 9-10 เดือน การรอ 310 วันจึงทำให้มั่นใจได้ว่าบุตรที่เกิดหลังจากสมรสใหม่จะเป็นบุตรของคู่สมรสใหม่อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นการให้เวลาในการจัดการทรัพย์สินจากการสมรสเดิมอย่างเรียบร้อย และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทต่างๆ ทางกฎหมายที่อาจตามมา
อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำคัญที่ควรทราบ คือ หากคู่สมรสเดิมเสียชีวิตไปแล้ว หรือศาลมีคำสั่งหย่าเพราะเหตุพิเศษ เงื่อนไข 310 วันนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
จดทะเบียนที่ไหน–อย่างไร อำเภอ/กทม./ต่างประเทศ (สถานทูต) + ค่าธรรมเนียม
การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมทำได้ทั่วประเทศและสถานทูตไทยทั่วโลก แต่การเข้าใจความแตกต่างของแต่ละช่องทางจะช่วยประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย
สามารถทำได้ที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยไม่จำกัดเรื่องภูมิลำเนาหรือที่อยู่ปัจจุบัน ซึ่งต่างจากระบบเดิมที่บางขั้นตอนต้องทำที่ภูมิลำเนา
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสมรสคือ 40 บาท เช่นเดียวกับการสมรสทั่วไป แต่สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดคือค่าใช้จ่ายเสริม เช่น การขอสำเนาใบสมรส การรับรองเอกสาร หรือการแปลเอกสารสำหรับคู่สมรสชาวต่างชาติ ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงขึ้นเป็น 500-2000 บาท
สำหรับการจดทะเบียนที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศให้สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 โดยใช้ขั้นตอนเดียวกับการจดทะเบียนสมรสทั่วไป แต่ต้องนัดหมายล่วงหน้าและเตรียมเอกสารครบถ้วนตามที่แต่ละสถานทูตกำหนด
ข้อได้เปรียบของการจดทะเบียนในต่างประเทศคือ สามารถรวมเอาการจัดงานแต่งงานเข้าด้วยกันได้ โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นมิตรกับชุมชน LGBTQ+ และมีสถานที่จัดงานที่สวยงาม อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงความซับซ้อนของการนำเอกสารกลับมาใช้ในไทย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการจดทะเบียนในประเทศ
ประเด็นที่สำคัญมากแต่มักถูกมองข้ามคือ การเลือกสถานที่จดทะเบียน อาจส่งผลต่อความสะดวกในการใช้บริการภาครัฐในอนาคต เนื่องจากบางระบบยังไม่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูrณ์ ดังนั้นหากมีแผนที่จะใช้บริการเฉพาะในเขตใดเขตหนึ่งบ่อยๆ การจดทะเบียนในเขตนั้นอาจจะสะดวกกว่า
เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

ความซับซ้อนของเอกสารแตกต่างกันอย่างมากตามสัญชาติของคู่สมรส และการเตรียมเอกสารที่ไม่ครบถ้วนจะทำให้ต้องกลับไปเตรียมใหม่หลายครั้ง
การจัดเตรียมเอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายแพ่งไทย เพราะความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้เสียเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน
สำหรับคู่สมรสชาวไทยทั้งคู่ เอกสารที่จำเป็นประกอบด้วย
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- หนังสือรับรองการเป็นโสด
- หากเคยสมรสมาก่อนต้องมีใบหย่าหรือมรณบัตรของคู่สมรสเดิม
- พร้อมทั้งต้องมีพยาน 2 คน ที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์พร้อมเอกสารประจำตัว
ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับคู่สมรสคนไทย-ชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติต้องจัดหาหนังสือรับรองความเป็นโสด (Certificate of No Impediment) จากประเทศต้นทางหรือสถานทูตของประเทศนั้นในไทย เอกสารนี้ต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของประเทศผู้ออกเอกสาร จากนั้นต้องรับรองโดยสถานทูตไทยในประเทศนั้น หรือรับรองโดยสถานทูตของประเทศนั้นในไทย แล้วนำไปให้กระทรวงการต่างประเทศไทยรับรองอีกครั้ง
ประเด็นที่มีนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่างประเทศคือ การที่ประเทศต้นทางของชาวต่างชาติไม่รับรองการสมรสเพศเดียวกัน อาจทำให้การสมรสที่จดทะเบียนในไทยไม่ได้รับการรับรองในประเทศนั้น ซึ่งส่งผลต่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การรับมรดก การได้สัญชาติ หรือสิทธิในการประกันสังคม
(อ่านบทความเพิ่มเติม) การรับมรดกหลังจาก พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม
ขั้นตอนวันจดทะเบียนแบบทีละสเต็ป + เคล็ดลับเตรียมเอกสารให้ผ่านรอบเดียว
ผมจะแบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับจากผู้ที่ผ่านกระบวนการมาแล้วนับพันคู่ เพื่อให้ทุกท่านสามารถผ่านขั้นตอนได้อย่างราบรื่น
วันก่อนการจดทะเบียน
ควรตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอีกครั้งโดยเฉพาะวันหมดอายุของเอกสารต่างๆ หนังสือรับรองความเป็นโสดมีอายุการใช้งานเพียง 90 วัน นับจากวันที่ออก หากเลยกำหนดนี้ต้องไปขอใหม่ ซึ่งอาจทำให้ต้องเลื่อนการจดทะเบียนออกไป การตรวจสอบล่วงหน้า 2-3 วันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคู่มักลืม
เมื่อถึงวันจดทะเบียน
ขั้นตอนแรกคือการยื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบความครบถ้วน เจ้าหน้าที่นายทะเบียนจะตรวจสอบตัวตนและความถูกต้องของเอกสาร ในขั้นตอนนี้หากมีเอกสารใดบกพร่อง จะต้องกลับไปแก้ไขก่อน ดังนั้นการถ่ายสำเนาเอกสารสำรองไว้ 2-3 ชุด จะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
หลังจากตรวจสอบเอกสารแล้ว เจ้าหน้าที่จะสอบถามความจริงใจในการสมรส การตอบคำถามนี้ไม่ได้มีเทคนิคพิเศษใด แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าการสมรสเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ไม่มีการบังคับหรือหลอกลวง คำถามที่อาจถูกถามได้แก่ ระยะเวลาที่รู้จักกัน แผนการในอนาคต หรือเหตุผลในการตัดสินใจสมรส
ขั้นตอนการลงนามเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด คู่สมรสทั้งสองต้องลงนามพร้อมกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่และพยาน การลงนามนี้มีผลผูกพันทางกฎหมายทันที ไม่สามารถแก้ไขหรือยกเลิกได้ง่ายๆ หลังจากลงนาม ผมแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายอ่านรายละเอียดในเอกสารให้ครบถ้วนก่อนลงนาม โดยเฉพาะเรื่องระบอบทรัพย์สินสมรสที่เลือกไว้
เคล็ดลับสำคัญที่หลายคนไม่รู้คือ การขอสำเนาใบสมรสหลายฉบับในวันเดียวกัน เพราะหลายขั้นตอนในอนาคต เช่น การเปลี่ยนสถานะภาษี การขอสินเชื่อ หรือการทำประกันชีวิต จะต้องใช้ใบสมรสฉบับจริง หากขอทีละฉบับจะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่า
สิทธิหลังสมรสเท่าเทียม ทรัพย์สินสมรส มรดก อำนาจตัดสินใจทางการแพทย์ ภาษี บำนาญ/ประกันสังคม รับบุตรบุญธรรม

การสมรสเท่าเทียมให้สิทธิและหน้าที่ครบถ้วนเหมือนการสมรสทั่วไป แต่การใช้สิทธิเหล่านี้ในทางปฏิบัติต้องอาศัยความเข้าใจในกฎหมายหลายสาขา
สิทธิในทรัพย์สินสมรส
เป็นหนึ่งในสิทธิพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ภายใต้ระบอบทรัพย์สินสมรส ทรัพย์สินที่คู่สมรสหามาได้หลังจดทะเบียนจะเป็นของกลางโดยไม่คำนึงว่าใครเป็นคนหาเงินมา หรือเงินมาจากฝ่ายใด หลักการนี้ใช้กับทั้งอสังหาริมทรัพย์ เงินฝากธนาคาร หุ้น พันธบัตร และทรัพย์สินอื่นๆ
ความซับซ้อนเกิดขึ้นเมื่อต้องแยกแยะระหว่างทรัพย์สินส่วนตัว ทรัพย์สินสมรส และทรัพย์สินที่มีลักษณะผสม เช่น หากฝ่ายหนึ่งมีบ้านเป็นของตัวเองก่อนสมรส แล้วหลังสมรสไปซื้อวัสดุมาซ่อมแซมปรับปรุง การซ่อมแซมนั้นจะเป็นทรัพย์สินสมรส แต่บ้านยังคงเป็นทรัพย์สินส่วนตัว การคำนวณสัดส่วนในกรณีนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาและนักกฎหมาย
สิทธิในการรับมรดกของคู่สมรส
เป็นสิทธิที่กฎหมายให้ไว้โดยอัตโนมัติ หากคู่สมรสเสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะได้รับมรดกส่วนหนึ่งตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด ร่วมกับบุตร บิดามารดา หรือญาติคนอื่นๆ ของผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม หากมีพินัยกรรม คู่สมรสจะได้รับตามที่ระบุในพินัยกรรม ซึ่งอาจมากกว่าหรือน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ได้
อำนาจในการตัดสินใจทางการแพทย์
เป็นสิทธิที่มีความหมายอย่างยิ่งในยามวิกฤติ เมื่อคู่สมรสหมดสติหรือไม่สามารถตัดสินใจได้ คู่สมรสอีกฝ่ายสามารถตัดสินใจแทนในเรื่องการรักษาพยาบาล การผ่าตัด หรือการใช้เครื่องช่วยชีวิต โดยไม่ต้องได้ความยินยอมจากบิดามารดาหรือญาติคนอื่นๆ สิทธินี้รวมถึงการเข้าเยี่ยมในโรงพยาบาลในฐานะญาติ และการรับทราบข้อมูลการรักษาซึ่งเป็นความลับทางการแพทย์
เรื่องภาษี
มีความซับซ้อนที่ต้องศึกษาอย่างละเอียด คู่สมรสสามารถเลือกยื่นภาษีรวมกันหรือแยกกันก็ได้ การยื่นภาษีรวมกันมักจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะสามารถใช้อัตราภาษีแบบก้าวหน้าได้เต็มที่ และรวมค่าลดหย่อนต่างๆ ได้ แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินภาษีร่วมกันด้วย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหนี้สินภาษี อีกฝ่ายหนึ่งอาจต้องรับผิดชอบด้วย
สิทธิในบำนาญและประกันสังคม
มีผลต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว คู่สมรสสามารถรับบำนาญแทนกันได้เมื่อคู่สมรสเสียชีวิต โดยอัตราที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับประเภทของบำนาญและเงื่อนไขต่างๆ สำหรับประกันสังคม คู่สมรสสามารถเป็นผู้รับผลประโยชน์แทนกันได้ และได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลภายใต้สิทธิของคู่สมรส
การรับบุตรบุญธรรม
เป็นสิทธิที่สำคัญสำหรับคู่สมรสที่ต้องการมีบุตร กฎหมายให้สิทธิคู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมได้เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ แต่ขั้นตอนและเงื่อนไขยังคงเข้มงวดเหมือนเดิม ต้องผ่านการประเมินจากนักสังคมสงเคราะห์ มีรายได้เพียงพอ มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และไม่มีประวัติอาชญากรรม
อ่านกระทู้ปรึกษากฎหมายจริงเพิ่มเติม
ได้รับที่ดินจากญาติถือเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัว
สมรสเท่าเทียมเทียบไต้หวัน–เนปาล และอาเซียน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 38 ของโลกที่รับรองการสมรสเท่าเทียม และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ก้าวผ่านจุดนี้ได้สำเร็จ
ในเอเชีย ไทยเป็นประเทศที่สามที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม รองจากไต้หวันที่ผ่านกฎหมายในปี 2562 และเนปาลที่ศาลสั่งให้รัฐบาลจดทะเบียนการสมรสเพศเดียวกันได้ในปี 2566 ความแตกต่างที่สำคัญคือไทยเป็นประเทศเดียวที่ผ่านกฎหมายโดยกระบวนการรัฐสภาอย่างสมบูรณ์ ขณะที่เนปาลเกิดจากคำสั่งศาลโดยตรง
ไต้หวันใช้แนวทางการแก้ไขกฎหมายพิเศษที่เรียกว่า "Act for Implementation of J.Y. Interpretation No. 748" ซึ่งสร้างกรอบกฎหมายใหม่แยกจากกฎหมายการสมรสเดิม ส่วนไทยเลือกแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยตรง ทำให้การรวมเข้าสู่ระบบกฎหมายมีความเรียบง่ายกว่าและไม่สร้างความแตกต่างทางสถานะ
เนปาลมีสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่า เพราะแม้ศาลจะสั่งให้จดทะเบียนได้แล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้ออกกฎหมายรองรับอย่างเป็นระบบ ทำให้การใช้สิทธิในทางปฏิบัติยังมีข้อจำกัด การเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นว่าการมีกฎหมายที่ชัดเจนและระบบราชการที่พร้อมรับรองมีความสำคัญไม่แพ้การมีสิทธิตามกฎหมาย
ผลกระทวงทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากการเป็น "ประเทศแรกในอาเซียนที่รับรองสมรสเท่าเทียม" เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว คู่รักจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาจดทะเบียนสมรสในไทยเพิ่มมากขึ้น แม้การสมรสนั้นจะไม่ได้รับการรับรองในประเทศต้นทางก็ตาม การเป็น "จุดหมายปลายทางสมรส" (Marriage Destination) กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
FAQ ที่คนถามบ่อย
สมรสเท่าเทียมคืออะไร และแตกต่างจากการสมรสปกติอย่างไร?
สมรสเท่าเทียมคือการสมรสระหว่างคู่รักเพศเดียวกันที่ได้รับการรับรองเท่าเทียมกับคู่สมรสต่างเพศ ไม่แตกต่างจากการสมรสปกติแต่อย่างใด มีสิทธิและหน้าที่เหมือนกันทุกประการ ไม่ใช่การสมรสระดับสองหรือมีข้อจำกัดพิเศษ
ใครสามารถจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมได้บ้าง?
บุคคลที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ไม่มีคู่สมรสเดิม ไม่เป็นญาติสายตรงหรือพี่น้องร่วมบิดามารดา มีสภาพจิตปกติ และสามารถให้ความยินยอมได้ ไม่จำกัดเรื่องเพศวิถี สามารถเป็นได้ทั้งเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล หรือทรานส์เจนเดอร์
กฎ 310 วันหมายถึงอะไร และใช้ในกรณีไหน?
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพิ่งหย่าร้างมา ต้องรอ 310 วัน (ประมาณ 10 เดือน) จึงจะสมรสใหม่ได้ เป็นการป้องกันปัญหาสายเลือดของบุตรและจัดการทรัพย์สินจากการสมรสเดิม ข้อยกเว้นคือกรณีคู่สมรสเดิมเสียชีวิตหรือศาลมีคำสั่งพิเศษ
สมรสเท่าเทียมสามารถเปลี่ยนนามสกุลได้ไหม?
ได้ เช่นเดียวกับการสมรสทั่วไป สามารถเลือกใช้นามสกุลของคู่สมรส หรือรวมนามสกุลทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยทำเรื่องขอเปลี่ยนนามสกุลที่กรมการปกครองภายใน 30 วันหลังจดทะเบียนสมรส
ทรัพย์สินสมรสกับทรัพย์สินส่วนตัวแยกกันอย่างไร?
ทรัพย์สินที่มีก่อนสมรส เงินมรดก หรือของขวัญส่วนตัว จัดเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ส่วนทรัพย์สินที่หามาได้หลังสมรสเป็นทรัพย์สินสมรส เป็นของกลางไม่ว่าใครจะเป็นคนหาเงินมา หากต้องการแยกทรัพย์สิน ต้องทำสัญญาแยกทรัพย์สินต่างหาก
จำเป็นต้องทำพินัยกรรมหรือไม่หลังสมรส?
แนะนำให้ทำ แม้กฎหมายจะให้สิทธิรับมรดกแก่คู่สมรสอยู่แล้ว แต่พินัยกรรมจะช่วยให้การจัดสรรทรัพย์สินเป็นไปตามความต้องการ และลดข้อพิพาทกับญาติฝ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะหากมีทรัพย์สินมาก หรือความสัมพันธ์กับครอบครัวเดิมไม่ดี
หย่าร้างจากสมรสเท่าเทียมทำได้อย่างไร?
ใช้กระบวนการเดียวกับการหย่าทั่วไป สามารถหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หรือฟ้องหย่าที่ศาล เหตุผลในการหย่าและการแบ่งทรัพย์สินใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
คู่สมรสเพศเดียวกันมีบุตรได้อย่างไร?
สามารถรับบุตรบุญธรรมได้เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ สำหรับการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์หรืออุ้มบุญ ขณะนี้กฎหมายอุ้มบุญยังอยู่ระหว่างปรับปรุง คาดว่าจะเปิดให้คู่สมรสเพศเดียวกันใช้สิทธิได้ในอนาคตอันใกล้
สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีอะไรบ้าง?
สามารถยื่นภาษีรวมกัน ใช้ค่าลดหย่อนคู่สมรส และได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีแบบก้าวหน้า เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินภาษีร่วมกันด้วย
การรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพเป็นอย่างไร?
คู่สมรสสามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพของกันและกัน ตัดสินใจการรักษาแทนกันในยามฉุกเฉิน และเยี่ยมไข้ในฐานะญาติได้ นายจ้างส่วนใหญ่ขยายสิทธิประกันกลุ่มให้ครอบคลุมคู่สมรสเพศเดียวกันแล้ว
ชาวต่างชาติสมรสกับคนไทยได้สิทธิอะไร?
ได้รับวีซ่าคู่สมรส อยู่ในไทยได้ยาวนาน และสามารถสมัครขออยู่ถาวรได้ในอนาคต แต่การได้สัญชาติไทยยังขึ้นอยู่กับกฎหมายสัญชาติที่กำลังปรับปรุง
จดทะเบียนในต่างประเทศมีผลในไทยไหม?
หากมีการจดทะเบียนตามกฎหมายไทย หรือขอให้ทางการไทยรับรองการสมรสที่ทำในต่างประเทศ ก็จะมีผลในไทย แต่การสมรสในต่างประเทศโดยไม่ผ่านขั้นตอนในไทยจะไม่มีผลตามกฎหมายไทย
ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเท่าไหร่?
ค่าธรรมเนียมพื้นฐาน 40 บาท แต่ค่าใช้จ่ายเสริมอื่นๆ เช่น การรับรองเอกสาร การแปล หรือการขอสำเนาใบสมรส อาจทำให้ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 500-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเอกสาร
มีปัญหาการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานไหม?
กฎหมายห้ามการเลือกปฏิบัติ แต่ในทางปฏิบัติอาจยังพบปัญหาบ้าง โดยเฉพาะในองค์กรที่ยังไม่ปรับนโยบายเรื่องสวัสดิการ หากพบปัญหาสามารถร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน
อนาคตของสมรสเท่าเทียมในไทยเป็นอย่างไร?
รัฐบาลกำลังปรับปรุงกฎหมายอื่นๆ ประมาณ 50 ฉบับเพื่อให้สอดคล้องกัน ครอบคลุมเรื่องการอุ้มบุญ สัญชาติ และการป้องกันการเลือกปฏิบัติ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าระบบจะสมบูรณ์ทุกด้าน
บทสรุป
สมรสเท่าเทียมในประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงการให้สิทธิทางกฎหมาย แต่เป็นการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างครอบครัวและวางแผนชีวิตร่วมกัน การเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ก้าวผ่านจุดนี้ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่มีต่อความหลากหลายทางเพศ
ผมหวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้คู่รักที่กำลังพิจารณาการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม มีความเข้าใจที่ครอบคลุมทั้งสิทธิที่จะได้รับ ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ และสิ่งที่ยังต้องติดตามในอนาคต การตัดสินใจสมรสควรเป็นไปด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึกชั่วขณะ
แม้จะยังมีระบบต่างๆ ที่ต้องปรับปรุงอีกมาก แต่จุดเริ่มต้นที่ดีนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือ การที่ทุกคู่รักได้มีโอกาสสร้างครอบครัวที่มั่นคงบนพื้นฐานของความรักและความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ








