สมรสเท่าเทียม 2568_ คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่.png
เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-03

สมรสเท่าเทียม 2568: คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่

ผมต้องบอกว่า พรบ.สมรสเท่าเทียมที่เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่หลายคู่รักรอคอยมานาน การที่ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่รับรองการสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่เรื่องของสิทธิ แต่เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านครอบครัว การเงิน และชีวิตประจำวัน

สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจคือ กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างหรือสิทธิพิเศษ แต่เป็นการขยายสิทธิที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมทุกคน ผมจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงรายละเอียดที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

สมรสเท่าเทียมคืออะไร? กฎหมายแก้ไขอะไรในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

สมรสเท่าเทียม 2568_ คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่ (2).png

สมรสเท่าเทียม หมายถึงการแก้ไขกฎหมายแพ่งให้คู่รักทุกเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้เท่าเทียมกัน โดยเปลี่ยนถ้อยคำจาก "ชาย-หญิง" เป็น "คู่สมรส" ที่เป็นกลางทางเพศ

มาเข้าใจกันก่อนว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้เปลี่ยนอะไรบ้าง ผมจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ

การเปลี่ยนแปลงหลักในกฎหมาย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเปลี่ยนคำศัพท์ที่ระบุเพศให้เป็นคำที่เป็นกลาง เช่น

  • "ฝ่ายชาย-ฝ่ายหญิง" กลายเป็น "ผู้หมั้นและผู้รับหมั้น"
  • "สามี-ภริยา" กลายเป็น "คู่สมรส"

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้คู่รักเพศเดียวกันได้รับสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกับคู่สมรสต่างเพศทุกประการ ไม่ใช่การสร้างกฎหมายใหม่แยกต่างหาก แต่เป็นการขยายขอบเขตของกฎหมายเดิมให้ครอบคลุมทุกคน

ประเด็นที่หลายคนไม่ทราบ

ความจริงแล้ว การแก้ไขครั้งนี้ยังปรับปรุงเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น การยกระดับอายุขั้นต่ำในการสมรสจาก 17 ปี เป็น 18 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล

ที่สำคัญคือ กฎหมายฉบับนี้มีชื่อเป็นทางการว่า "พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการปรับปรุงกฎหมายเดิม ไม่ใช่การสร้างกฎหมายพิเศษใหม่

มีผลใช้เมื่อไร นับ 120 วัน–วันเริ่มจดทะเบียนได้จริง

สมรสเท่าเทียม 2568_ คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่ (3).png

กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 หลังจากครบกำหนด 120 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผมจะอธิบายไทม์ไลน์ให้ชัดเจน พร้อมเหตุผลเบื้องหลังที่หลายคนอาจไม่รู้

  • 18 มิถุนายน 2567: วุฒิสภาลงมติเห็นชอบ 130 ต่อ 4 เสียง
  • 24 กันยายน 2567: ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
  • 22 มกราคม 2568: ครบ 120 วันตามกฎหมาย
  • 23 มกราคม 2568: วันแรกที่สามารถจดทะเบียนได้จริง

ทำไมต้องรอ 120 วัน?

สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมกฎหมายที่ผ่านรัฐสภาแล้วต้องรออีก 120 วัน? ผมต้องบอกว่า ช่วงเวลานี้ไม่ใช่การผลัดวัน แต่เป็นระยะเตรียมความพร้อมที่จำเป็นมาก

ในช่วง 120 วันนี้ หน่วยงานรัฐต่างๆ ต้องดำเนินการหลายอย่าง ได้แก่ การปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์และแบบฟอร์มต่างๆ ให้รองรับกฎหมายใหม่, การอบรมเจ้าหน้าที่นายทะเบียนทั่วประเทศให้เข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงาน, การประสานงานและทำความเข้าใจกับสถานทูตไทยทั่วโลก รวมถึงการเตรียมคำแนะนำและเอกสารสำหรับประชาชนให้ครบถ้วน

ตารางสรุปเพื่อความเข้าใจง่ายๆ

หัวข้อ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เดิม

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 (สมรสเท่าเทียม)

การหมั้น–การสมรส

ระบุคู่ความเป็น “ชาย–หญิง”

ใช้คำที่เป็นกลางทางเพศ “ผู้หมั้น–ผู้รับหมั้น / คู่สมรส” ครอบคลุมทุกเพศ

อายุขั้นต่ำในการหมั้น–สมรส 

(อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมีความยินยอมจากบิดามารดา)

17 ปีบริบูรณ์

18 ปีบริบูรณ์

สมรสกับคนต่างชาติโดยใช้กฎหมายไทย

จำกัดเฉพาะ “ชาย–หญิง”

ทำได้สำหรับ “คู่สมรส” ทุกเพศตามกฎหมายไทย

การรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน

สิทธิในการรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม

สิทธิในการใช้นามสกุลคู่สมรส

ให้ความยินยอมทางการแพทย์แทนคู่สมรส 

(กรณีอีกฝ่ายไม่สามารถให้ความยินยอมได้)

สิทธิประโยชน์ทางภาษี (เช่น ยื่นภาษีรวม–ลดหย่อนคู่สมรส)

 

ใครจดได้บ้าง คุณสมบัติ อายุขั้นต่ำ ข้อห้าม และเงื่อนไข "310 วัน"

สมรสเท่าเทียม 2568_ คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่ (4).png

คุณสมบัติในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเหมือนกับการสมรสทั่วไป แต่ต้องเข้าใจเงื่อนไขพิเศษและข้อจำกัดที่อาจกระทบการตัดสินใจ

คุณสมบัติพื้นฐาน

  • อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (เพิ่มขึ้นจากเดิม 17 ปี)
  • มีสภาพจิตปกติ สามารถให้ความยินยอมได้
  • ไม่มีคู่สมรสอื่นอยู่แล้ว
  • ไม่เป็นญาติสายตรงหรือพี่น้องร่วมบิดามารดา

เงื่อนไข "310 วัน" ที่หลายคนไม่รู้

เงื่อนไขนี้มีเหตุผลสำคัญหลายประการ ได้แก่ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องสายเลือดของบุตรที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้หญิงตั้งครรภ์อยู่แล้วก่อนหย่า หรือตั้งครรภ์หลังหย่าไม่นาน หากแต่งงานใหม่เร็วเกินไปจะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าบุตรที่เกิดมาเป็นบุตรของสามีเก่าหรือสามีใหม่ เนื่องจากระยะเวลาการตั้งครรภ์ปกติอยู่ที่ประมาณ 9-10 เดือน การรอ 310 วันจึงทำให้มั่นใจได้ว่าบุตรที่เกิดหลังจากสมรสใหม่จะเป็นบุตรของคู่สมรสใหม่อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นการให้เวลาในการจัดการทรัพย์สินจากการสมรสเดิมอย่างเรียบร้อย และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทต่างๆ ทางกฎหมายที่อาจตามมา

อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำคัญที่ควรทราบ คือ หากคู่สมรสเดิมเสียชีวิตไปแล้ว หรือศาลมีคำสั่งหย่าเพราะเหตุพิเศษ เงื่อนไข 310 วันนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป

จดทะเบียนที่ไหน–อย่างไร อำเภอ/กทม./ต่างประเทศ (สถานทูต) + ค่าธรรมเนียม

การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมทำได้ทั่วประเทศและสถานทูตไทยทั่วโลก แต่การเข้าใจความแตกต่างของแต่ละช่องทางจะช่วยประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น

การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย

สามารถทำได้ที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยไม่จำกัดเรื่องภูมิลำเนาหรือที่อยู่ปัจจุบัน ซึ่งต่างจากระบบเดิมที่บางขั้นตอนต้องทำที่ภูมิลำเนา 

ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสมรสคือ 40 บาท เช่นเดียวกับการสมรสทั่วไป แต่สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดคือค่าใช้จ่ายเสริม เช่น การขอสำเนาใบสมรส การรับรองเอกสาร หรือการแปลเอกสารสำหรับคู่สมรสชาวต่างชาติ ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงขึ้นเป็น 500-2000 บาท

สำหรับการจดทะเบียนที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ 

กระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศให้สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 โดยใช้ขั้นตอนเดียวกับการจดทะเบียนสมรสทั่วไป แต่ต้องนัดหมายล่วงหน้าและเตรียมเอกสารครบถ้วนตามที่แต่ละสถานทูตกำหนด

ข้อได้เปรียบของการจดทะเบียนในต่างประเทศคือ สามารถรวมเอาการจัดงานแต่งงานเข้าด้วยกันได้ โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นมิตรกับชุมชน LGBTQ+ และมีสถานที่จัดงานที่สวยงาม อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงความซับซ้อนของการนำเอกสารกลับมาใช้ในไทย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการจดทะเบียนในประเทศ

ประเด็นที่สำคัญมากแต่มักถูกมองข้ามคือ การเลือกสถานที่จดทะเบียน อาจส่งผลต่อความสะดวกในการใช้บริการภาครัฐในอนาคต เนื่องจากบางระบบยังไม่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูrณ์ ดังนั้นหากมีแผนที่จะใช้บริการเฉพาะในเขตใดเขตหนึ่งบ่อยๆ การจดทะเบียนในเขตนั้นอาจจะสะดวกกว่า

 

 

เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

สมรสเท่าเทียม 2568_ คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่ (5).png

ความซับซ้อนของเอกสารแตกต่างกันอย่างมากตามสัญชาติของคู่สมรส และการเตรียมเอกสารที่ไม่ครบถ้วนจะทำให้ต้องกลับไปเตรียมใหม่หลายครั้ง

การจัดเตรียมเอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายแพ่งไทย เพราะความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้เสียเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน

สำหรับคู่สมรสชาวไทยทั้งคู่ เอกสารที่จำเป็นประกอบด้วย 

  • บัตรประชาชน 
  • ทะเบียนบ้าน 
  • หนังสือรับรองการเป็นโสด 
  • หากเคยสมรสมาก่อนต้องมีใบหย่าหรือมรณบัตรของคู่สมรสเดิม 
  • พร้อมทั้งต้องมีพยาน 2 คน ที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์พร้อมเอกสารประจำตัว

ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับคู่สมรสคนไทย-ชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติต้องจัดหาหนังสือรับรองความเป็นโสด (Certificate of No Impediment) จากประเทศต้นทางหรือสถานทูตของประเทศนั้นในไทย เอกสารนี้ต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของประเทศผู้ออกเอกสาร จากนั้นต้องรับรองโดยสถานทูตไทยในประเทศนั้น หรือรับรองโดยสถานทูตของประเทศนั้นในไทย แล้วนำไปให้กระทรวงการต่างประเทศไทยรับรองอีกครั้ง

ประเด็นที่มีนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่างประเทศคือ การที่ประเทศต้นทางของชาวต่างชาติไม่รับรองการสมรสเพศเดียวกัน อาจทำให้การสมรสที่จดทะเบียนในไทยไม่ได้รับการรับรองในประเทศนั้น ซึ่งส่งผลต่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การรับมรดก การได้สัญชาติ หรือสิทธิในการประกันสังคม

(อ่านบทความเพิ่มเติม) การรับมรดกหลังจาก พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม

ขั้นตอนวันจดทะเบียนแบบทีละสเต็ป + เคล็ดลับเตรียมเอกสารให้ผ่านรอบเดียว

ผมจะแบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับจากผู้ที่ผ่านกระบวนการมาแล้วนับพันคู่ เพื่อให้ทุกท่านสามารถผ่านขั้นตอนได้อย่างราบรื่น

วันก่อนการจดทะเบียน 

ควรตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอีกครั้งโดยเฉพาะวันหมดอายุของเอกสารต่างๆ หนังสือรับรองความเป็นโสดมีอายุการใช้งานเพียง 90 วัน นับจากวันที่ออก หากเลยกำหนดนี้ต้องไปขอใหม่ ซึ่งอาจทำให้ต้องเลื่อนการจดทะเบียนออกไป การตรวจสอบล่วงหน้า 2-3 วันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคู่มักลืม

เมื่อถึงวันจดทะเบียน 

ขั้นตอนแรกคือการยื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบความครบถ้วน เจ้าหน้าที่นายทะเบียนจะตรวจสอบตัวตนและความถูกต้องของเอกสาร ในขั้นตอนนี้หากมีเอกสารใดบกพร่อง จะต้องกลับไปแก้ไขก่อน ดังนั้นการถ่ายสำเนาเอกสารสำรองไว้ 2-3 ชุด จะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

หลังจากตรวจสอบเอกสารแล้ว เจ้าหน้าที่จะสอบถามความจริงใจในการสมรส การตอบคำถามนี้ไม่ได้มีเทคนิคพิเศษใด แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าการสมรสเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ไม่มีการบังคับหรือหลอกลวง คำถามที่อาจถูกถามได้แก่ ระยะเวลาที่รู้จักกัน แผนการในอนาคต หรือเหตุผลในการตัดสินใจสมรส

ขั้นตอนการลงนามเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด คู่สมรสทั้งสองต้องลงนามพร้อมกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่และพยาน การลงนามนี้มีผลผูกพันทางกฎหมายทันที ไม่สามารถแก้ไขหรือยกเลิกได้ง่ายๆ หลังจากลงนาม ผมแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายอ่านรายละเอียดในเอกสารให้ครบถ้วนก่อนลงนาม โดยเฉพาะเรื่องระบอบทรัพย์สินสมรสที่เลือกไว้

เคล็ดลับสำคัญที่หลายคนไม่รู้คือ การขอสำเนาใบสมรสหลายฉบับในวันเดียวกัน เพราะหลายขั้นตอนในอนาคต เช่น การเปลี่ยนสถานะภาษี การขอสินเชื่อ หรือการทำประกันชีวิต จะต้องใช้ใบสมรสฉบับจริง หากขอทีละฉบับจะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่า

สิทธิหลังสมรสเท่าเทียม ทรัพย์สินสมรส มรดก อำนาจตัดสินใจทางการแพทย์ ภาษี บำนาญ/ประกันสังคม รับบุตรบุญธรรม

สมรสเท่าเทียม 2568_ คู่มือสมบูรณ์สำหรับการจดทะเบียนและสิทธิ์ตามกฎหมายใหม่ (6).png

การสมรสเท่าเทียมให้สิทธิและหน้าที่ครบถ้วนเหมือนการสมรสทั่วไป แต่การใช้สิทธิเหล่านี้ในทางปฏิบัติต้องอาศัยความเข้าใจในกฎหมายหลายสาขา

สิทธิในทรัพย์สินสมรส

เป็นหนึ่งในสิทธิพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ภายใต้ระบอบทรัพย์สินสมรส ทรัพย์สินที่คู่สมรสหามาได้หลังจดทะเบียนจะเป็นของกลางโดยไม่คำนึงว่าใครเป็นคนหาเงินมา หรือเงินมาจากฝ่ายใด หลักการนี้ใช้กับทั้งอสังหาริมทรัพย์ เงินฝากธนาคาร หุ้น พันธบัตร และทรัพย์สินอื่นๆ

ความซับซ้อนเกิดขึ้นเมื่อต้องแยกแยะระหว่างทรัพย์สินส่วนตัว ทรัพย์สินสมรส และทรัพย์สินที่มีลักษณะผสม เช่น หากฝ่ายหนึ่งมีบ้านเป็นของตัวเองก่อนสมรส แล้วหลังสมรสไปซื้อวัสดุมาซ่อมแซมปรับปรุง การซ่อมแซมนั้นจะเป็นทรัพย์สินสมรส แต่บ้านยังคงเป็นทรัพย์สินส่วนตัว การคำนวณสัดส่วนในกรณีนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาและนักกฎหมาย

สิทธิในการรับมรดกของคู่สมรส

เป็นสิทธิที่กฎหมายให้ไว้โดยอัตโนมัติ หากคู่สมรสเสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะได้รับมรดกส่วนหนึ่งตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด ร่วมกับบุตร บิดามารดา หรือญาติคนอื่นๆ ของผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม หากมีพินัยกรรม คู่สมรสจะได้รับตามที่ระบุในพินัยกรรม ซึ่งอาจมากกว่าหรือน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ได้

อำนาจในการตัดสินใจทางการแพทย์

เป็นสิทธิที่มีความหมายอย่างยิ่งในยามวิกฤติ เมื่อคู่สมรสหมดสติหรือไม่สามารถตัดสินใจได้ คู่สมรสอีกฝ่ายสามารถตัดสินใจแทนในเรื่องการรักษาพยาบาล การผ่าตัด หรือการใช้เครื่องช่วยชีวิต โดยไม่ต้องได้ความยินยอมจากบิดามารดาหรือญาติคนอื่นๆ สิทธินี้รวมถึงการเข้าเยี่ยมในโรงพยาบาลในฐานะญาติ และการรับทราบข้อมูลการรักษาซึ่งเป็นความลับทางการแพทย์

เรื่องภาษี

มีความซับซ้อนที่ต้องศึกษาอย่างละเอียด คู่สมรสสามารถเลือกยื่นภาษีรวมกันหรือแยกกันก็ได้ การยื่นภาษีรวมกันมักจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะสามารถใช้อัตราภาษีแบบก้าวหน้าได้เต็มที่ และรวมค่าลดหย่อนต่างๆ ได้ แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินภาษีร่วมกันด้วย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหนี้สินภาษี อีกฝ่ายหนึ่งอาจต้องรับผิดชอบด้วย

สิทธิในบำนาญและประกันสังคม

มีผลต่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว คู่สมรสสามารถรับบำนาญแทนกันได้เมื่อคู่สมรสเสียชีวิต โดยอัตราที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับประเภทของบำนาญและเงื่อนไขต่างๆ สำหรับประกันสังคม คู่สมรสสามารถเป็นผู้รับผลประโยชน์แทนกันได้ และได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลภายใต้สิทธิของคู่สมรส

การรับบุตรบุญธรรม

เป็นสิทธิที่สำคัญสำหรับคู่สมรสที่ต้องการมีบุตร กฎหมายให้สิทธิคู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมได้เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ แต่ขั้นตอนและเงื่อนไขยังคงเข้มงวดเหมือนเดิม ต้องผ่านการประเมินจากนักสังคมสงเคราะห์ มีรายได้เพียงพอ มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และไม่มีประวัติอาชญากรรม

อ่านกระทู้ปรึกษากฎหมายจริงเพิ่มเติม

ฟ้องร้องสินสมรส

ได้รับที่ดินจากญาติถือเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัว

สมรสเท่าเทียมเทียบไต้หวัน–เนปาล และอาเซียน

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 38 ของโลกที่รับรองการสมรสเท่าเทียม และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ก้าวผ่านจุดนี้ได้สำเร็จ

ในเอเชีย ไทยเป็นประเทศที่สามที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม รองจากไต้หวันที่ผ่านกฎหมายในปี 2562 และเนปาลที่ศาลสั่งให้รัฐบาลจดทะเบียนการสมรสเพศเดียวกันได้ในปี 2566 ความแตกต่างที่สำคัญคือไทยเป็นประเทศเดียวที่ผ่านกฎหมายโดยกระบวนการรัฐสภาอย่างสมบูรณ์ ขณะที่เนปาลเกิดจากคำสั่งศาลโดยตรง

ไต้หวันใช้แนวทางการแก้ไขกฎหมายพิเศษที่เรียกว่า "Act for Implementation of J.Y. Interpretation No. 748" ซึ่งสร้างกรอบกฎหมายใหม่แยกจากกฎหมายการสมรสเดิม ส่วนไทยเลือกแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยตรง ทำให้การรวมเข้าสู่ระบบกฎหมายมีความเรียบง่ายกว่าและไม่สร้างความแตกต่างทางสถานะ

เนปาลมีสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่า เพราะแม้ศาลจะสั่งให้จดทะเบียนได้แล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้ออกกฎหมายรองรับอย่างเป็นระบบ ทำให้การใช้สิทธิในทางปฏิบัติยังมีข้อจำกัด การเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นว่าการมีกฎหมายที่ชัดเจนและระบบราชการที่พร้อมรับรองมีความสำคัญไม่แพ้การมีสิทธิตามกฎหมาย

ผลกระทวงทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากการเป็น "ประเทศแรกในอาเซียนที่รับรองสมรสเท่าเทียม" เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว คู่รักจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาจดทะเบียนสมรสในไทยเพิ่มมากขึ้น แม้การสมรสนั้นจะไม่ได้รับการรับรองในประเทศต้นทางก็ตาม การเป็น "จุดหมายปลายทางสมรส" (Marriage Destination) กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย


FAQ ที่คนถามบ่อย

สมรสเท่าเทียมคืออะไร และแตกต่างจากการสมรสปกติอย่างไร?

สมรสเท่าเทียมคือการสมรสระหว่างคู่รักเพศเดียวกันที่ได้รับการรับรองเท่าเทียมกับคู่สมรสต่างเพศ ไม่แตกต่างจากการสมรสปกติแต่อย่างใด มีสิทธิและหน้าที่เหมือนกันทุกประการ ไม่ใช่การสมรสระดับสองหรือมีข้อจำกัดพิเศษ

ใครสามารถจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมได้บ้าง?

บุคคลที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ไม่มีคู่สมรสเดิม ไม่เป็นญาติสายตรงหรือพี่น้องร่วมบิดามารดา มีสภาพจิตปกติ และสามารถให้ความยินยอมได้ ไม่จำกัดเรื่องเพศวิถี สามารถเป็นได้ทั้งเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล หรือทรานส์เจนเดอร์

กฎ 310 วันหมายถึงอะไร และใช้ในกรณีไหน?

หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพิ่งหย่าร้างมา ต้องรอ 310 วัน (ประมาณ 10 เดือน) จึงจะสมรสใหม่ได้ เป็นการป้องกันปัญหาสายเลือดของบุตรและจัดการทรัพย์สินจากการสมรสเดิม ข้อยกเว้นคือกรณีคู่สมรสเดิมเสียชีวิตหรือศาลมีคำสั่งพิเศษ

สมรสเท่าเทียมสามารถเปลี่ยนนามสกุลได้ไหม?

ได้ เช่นเดียวกับการสมรสทั่วไป สามารถเลือกใช้นามสกุลของคู่สมรส หรือรวมนามสกุลทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยทำเรื่องขอเปลี่ยนนามสกุลที่กรมการปกครองภายใน 30 วันหลังจดทะเบียนสมรส

ทรัพย์สินสมรสกับทรัพย์สินส่วนตัวแยกกันอย่างไร?

ทรัพย์สินที่มีก่อนสมรส เงินมรดก หรือของขวัญส่วนตัว จัดเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ส่วนทรัพย์สินที่หามาได้หลังสมรสเป็นทรัพย์สินสมรส เป็นของกลางไม่ว่าใครจะเป็นคนหาเงินมา หากต้องการแยกทรัพย์สิน ต้องทำสัญญาแยกทรัพย์สินต่างหาก

จำเป็นต้องทำพินัยกรรมหรือไม่หลังสมรส?

แนะนำให้ทำ แม้กฎหมายจะให้สิทธิรับมรดกแก่คู่สมรสอยู่แล้ว แต่พินัยกรรมจะช่วยให้การจัดสรรทรัพย์สินเป็นไปตามความต้องการ และลดข้อพิพาทกับญาติฝ่ายอื่นๆ โดยเฉพาะหากมีทรัพย์สินมาก หรือความสัมพันธ์กับครอบครัวเดิมไม่ดี

หย่าร้างจากสมรสเท่าเทียมทำได้อย่างไร?

ใช้กระบวนการเดียวกับการหย่าทั่วไป สามารถหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หรือฟ้องหย่าที่ศาล เหตุผลในการหย่าและการแบ่งทรัพย์สินใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

คู่สมรสเพศเดียวกันมีบุตรได้อย่างไร?

สามารถรับบุตรบุญธรรมได้เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ สำหรับการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์หรืออุ้มบุญ ขณะนี้กฎหมายอุ้มบุญยังอยู่ระหว่างปรับปรุง คาดว่าจะเปิดให้คู่สมรสเพศเดียวกันใช้สิทธิได้ในอนาคตอันใกล้

สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีอะไรบ้าง?

สามารถยื่นภาษีรวมกัน ใช้ค่าลดหย่อนคู่สมรส และได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีแบบก้าวหน้า เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินภาษีร่วมกันด้วย

การรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพเป็นอย่างไร?

คู่สมรสสามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพของกันและกัน ตัดสินใจการรักษาแทนกันในยามฉุกเฉิน และเยี่ยมไข้ในฐานะญาติได้ นายจ้างส่วนใหญ่ขยายสิทธิประกันกลุ่มให้ครอบคลุมคู่สมรสเพศเดียวกันแล้ว

ชาวต่างชาติสมรสกับคนไทยได้สิทธิอะไร?

ได้รับวีซ่าคู่สมรส อยู่ในไทยได้ยาวนาน และสามารถสมัครขออยู่ถาวรได้ในอนาคต แต่การได้สัญชาติไทยยังขึ้นอยู่กับกฎหมายสัญชาติที่กำลังปรับปรุง

จดทะเบียนในต่างประเทศมีผลในไทยไหม?

หากมีการจดทะเบียนตามกฎหมายไทย หรือขอให้ทางการไทยรับรองการสมรสที่ทำในต่างประเทศ ก็จะมีผลในไทย แต่การสมรสในต่างประเทศโดยไม่ผ่านขั้นตอนในไทยจะไม่มีผลตามกฎหมายไทย

ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเท่าไหร่?

ค่าธรรมเนียมพื้นฐาน 40 บาท แต่ค่าใช้จ่ายเสริมอื่นๆ เช่น การรับรองเอกสาร การแปล หรือการขอสำเนาใบสมรส อาจทำให้ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 500-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเอกสาร

มีปัญหาการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานไหม?

กฎหมายห้ามการเลือกปฏิบัติ แต่ในทางปฏิบัติอาจยังพบปัญหาบ้าง โดยเฉพาะในองค์กรที่ยังไม่ปรับนโยบายเรื่องสวัสดิการ หากพบปัญหาสามารถร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน

อนาคตของสมรสเท่าเทียมในไทยเป็นอย่างไร?

รัฐบาลกำลังปรับปรุงกฎหมายอื่นๆ ประมาณ 50 ฉบับเพื่อให้สอดคล้องกัน ครอบคลุมเรื่องการอุ้มบุญ สัญชาติ และการป้องกันการเลือกปฏิบัติ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าระบบจะสมบูรณ์ทุกด้าน


บทสรุป

สมรสเท่าเทียมในประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงการให้สิทธิทางกฎหมาย แต่เป็นการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างครอบครัวและวางแผนชีวิตร่วมกัน การเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ก้าวผ่านจุดนี้ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่มีต่อความหลากหลายทางเพศ

ผมหวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้คู่รักที่กำลังพิจารณาการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม มีความเข้าใจที่ครอบคลุมทั้งสิทธิที่จะได้รับ ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ และสิ่งที่ยังต้องติดตามในอนาคต การตัดสินใจสมรสควรเป็นไปด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึกชั่วขณะ

แม้จะยังมีระบบต่างๆ ที่ต้องปรับปรุงอีกมาก แต่จุดเริ่มต้นที่ดีนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือ การที่ทุกคู่รักได้มีโอกาสสร้างครอบครัวที่มั่นคงบนพื้นฐานของความรักและความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “