สรุปบทกฎหมายยาเสพติดใหม่ ปี 2566 

เมื่อได้มีการไล่เรียงสภาพปัญหาของสังคมไทยที่มักจะพบเจอบ่อย จนกระทั่งทำให้เกิดเป็นปัญหาร้ายแรงจนได้รับการบาดเจ็บถึงขึ้นโรงขึ้นศาลปรึกษาทนายออนไลน์กันล้นหลาม แน่นอนเลยว่าคงหนีไม่พ้นไปจาก ปัญหายาเสพติด แม้ว่าจะมีบทลงโทษแล้วก็จริง แต่ก็ไม่สามารถที่จะปราบปรามได้อย่างหมดสิ้น เช่นนี้จึงได้มีการออกข้อกฎหมายใหม่ในปี 2566 เป็นกฎหมายยาเสพติดที่มีความเข้มงวดรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด ตามไปดูบทสรุปข้อกฎหมายยาเสพติดใหม่ปี 2566 กันเลย

'คลิกที่นี่เพื่อดูคำปรึกษาจริงเรื่องยาเสพติด พร้อมคำตอบจากทนายความผู้เชี่ยวชาญ'

ประมวลกฎหมายยาเสพติดปี 2566 คืออะไร

สำหรับข้อประมวลกฎหมายยาเสพติด 2566 เป็นกฎหมายที่ได้มีการปรับขึ้นมาใหม่เพื่อทำให้ปัญหายาเสพติดลดเลือนหายไปจากประเทศไทย ซึ่งจะมีกฎหมายมาตราใดบ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่า

มาตรา 114

สำหรับกฎหมายมาตรา 114 เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการส่งตัวผู้ที่เสพยาเสพติดเพื่อเข้ารับการรักษาบำบัด จากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. พนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

มาตรา 115

สำหรับกฎหมายมาตรา 115 ซึ่งได้มีการบัญญัติเกี่ยวกับยาเสพติดหากผู้ใดเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นผู้เสพยาเสพติดสามารถให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเข้าไปตรวจค้นเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ต้องสงสัยได้เลยว่ามีการใช้สารเสพติดหากพบว่ามีการใช้สารเสพติดก็สามารถยึดครองได้เลย

มาตรา 116

สำหรับมาตรา 116 ได้มีการกำหนดไว้ว่าให้มีศูนย์คัดกรองเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดทุกพื้นที่ระดับตำบลทุกจังหวัดเพื่อเป็นการคัดกรองประเมินเกี่ยวกับความรุนแรงของยาเสพติดหากพบเจอสามารถส่งต่อไปที่ศูนย์บำบัดได้เลยทันที 

ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !

ไขข้อสงสัย ครอบครองยาบ้ากี่เม็ดถึงเป็นผู้ค้า

ครอบครองยาบ้ากี่เม็ดถึงถือว่าจะเป็นผู้ค้า กฎหมายใหม่ปี 2566 หากครอบครองยาบ้าเกิน 5 เม็ด เปรียบดั่งผู้ครอบครองยาเสพติดให้โทษซึ่งจะมีโทษเท่ากับการจำหน่าย รวมถึงการผลิตหรือนำเข้ายาเสพติดให้โทษนั่นเอง แต่การที่จะดูว่าเป็นผู้ค้าหรือไม่ก็จะต้องดูไปถึงพฤติกรรมของผู้ครอบครองด้วยเช่นเดียวกันว่าเข้าข่ายการเป็นผู้ค้าหรือไม่

ข้อหาและอัตราโทษของยาเสพติดประเภทที่ 1-5 ที่ต้องรู้

ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อหาและอัตราโทษของการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1-5 ที่ทุกท่านต้องทราบ

ประเภทที่ 1 ชนิดให้โทษร้ายแรง

เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ หากผลิตหรือนำเข้าต้องโดนโทษจำคุก 10 ปีถึงตลอดชีวิตปรับ 1-5 ล้านบาทหรือประหารชีวิต หากจำหน่ายถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือปรับ 1-5 ล้านบาทหรือประหารชีวิต หากมีไว้ครอบครองจำคุก 1-10 ปีปรับ 20,000-200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากเข้าข่ายเสพจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปีหรือปรับ 10,000-60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเภทที่ 2 ชนิดให้โทษทั่วไป

เช่น มอร์ฟีน โคเคน กฎหมายยาเสพติดหากผลิตหรือนำเข้าต้องถูกโทษจำคุก1-10 ปีหรือปรับ 100,000 ถึง 1 ล้านบาทหรือประหารชีวิต หากมีการจำหน่ายจะต้องถูกจำพวก 1-10 ปีหรือปรับ 20,000-200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ  หากมีไว้ครอบครองถูกจำคุก 1-10 ปีปรับ 20,000-200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากเข้าข่าย 10 ถูกจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปีหรือปรับ 10,000-60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเภทที่ 3 ชนิดให้โทษมีลักษณะเป็นตำรับยา

ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ผสมอยู่ อาทิ ยาแก้ไอที่มีฝิ่นผสม หากผลิตหรือนำเข้าจะต้องถูกจำคุก 1-3 ปีหรือปรับ 100,000 ถึง 300,000 บาทหากมีการจำหน่ายถูกจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

ประเภทที่ 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดประเภทที่ 1 และ 2

เช่น อาเซติค หากมีการผลิตหรือนำเข้าถูกจำคุก 1-5 ปีและปรับ 100,000 ถึง 1.5 ล้านบาทหากมีการจำหน่ายจะต้องถูกจำคุก 1-15 ปีและมีการปรับ 100,000-1.5 ล้านบาท หากมีไว้ให้ครอบครองจะต้องถูกจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประเภทที่ 5 ยาเสพติดที่มิได้เข้าข่ายยาเสพติดประเภทที่ 1 – 4

เช่น พืชกระท่อม กัญชา กฎหมายยาเสพติดหากเข้าข่ายการผลิตหรือส่งออกจะต้องถูกจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หากมีการจำหน่ายจะต้องถูกจำคุก 1-15 ปีปรับ 100,000 ถึง 1.5 ล้านบาท กรณีพืชกระท่อมจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาท หากมีไว้ครอบครองจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นพืชกระท่อมจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาท หากเข้าข่ายเสพจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีข้อสงสัยต้องการปรึกษาทนายความเพื่อหาทางออกกฎหมาย สามารถติดต่อผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมงครับ