ที่ดินของเราอาจเสียให้รัฐได้ รู้จักกับคำว่าทางสาธารณประโยชน์
เมื่อมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแล้ว หากไม่มีการไปดูแลหรือรังวัดบ่อยๆ ที่ดินเหล่านั้นอาจถูกชาวบ้านที่อยู่ระแวกใกล้เคียงใช้ทำเป็นที่เลี้ยงสัตว์หรือทำเป็นถนนเพื่อให้รถสามารถสัญจรได้ บทความนี้ Legardy จะพาทุกท่านไปรู้จักกับทางสาธารณประโยชน์กันครับ
ทางสาธารณประโยชน์ ในโฉนด
หากในโฉนดที่ดินของเรามีทางสาธารณประโยชน์ตัดผ่าน เช่น ที่ดินของเรามีถนนตัดผ่านกลางหรือมีถนนไหล่ทางตรงที่ดินของเรา ให้พิจารณาดังต่อไปนี้
1.)ทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวนั้น มีการใช้งานมาระยะเวลานานเพียงใด หากมีการใช้งานมากกว่า 10ปี อย่างเปิดเผย จะถือว่าส่วนนั้นเป็นที่สาธารณประโยชน์ไปโดยปริยาย แต่หากการใช้ประโยชน์นั้นไม่ได้มีระยะเวลาที่นานสามารถรังวัดและขอคืนส่วนดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงควรมีการรังวัดที่ดินอย่างน้อยทุกๆ 10ปี
2.)หากไม่สามารถนำทางสาธรณประโยชน์ในโฉนด กลับมาได้แล้ว ให้ไปทำการชี้เขตเพื่อทำเขตใหม่ โดยให้ทางที่ตัดผ่านนั้นยังเพียงพอที่จะใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิม
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3126/2536 (ทางสาธารณประโยชน์)
ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะแม้จะไม่มีหลักฐานการอุทิศที่ดินโดยตรงแต่การที่ประชาชนใช้ทางพิพาทมานานโดยเจ้าของที่ดินเดิมไม่เคยหวงห้ามถือเป็นการอุทิศโดยปริยาย ทำให้ทางพิพาทกลายเป็นทางสาธารณะและจำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้นทาง แม้จำเลยจะได้รับโอนที่ดินภายหลัง แต่ก็ไม่มีสิทธิปิดกั้นทางสาธารณะที่เกิดขึ้นก่อนการโอน เนื่องจากทางพิพาทเป็นทางสาธารณะในเขตเทศบาล โจทก์ซึ่งเป็นเทศบาลจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ปิดกั้นทางได้ตามกฎหมาย
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2539 (ทางสาธารณประโยชน์)
ที่ดินของโจทก์มีทางเดินที่ชาวบ้านใช้มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี โดยเจ้าของที่ดินเดิมไม่ได้หวงห้าม ทำให้ถือเป็นการอุทิศให้ใช้ประโยชน์สาธารณะ จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสะพานที่สร้างบนทางเดินนี้ แต่จำเลยฟ้องแย้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าที่ดินที่ใช้สร้างสะพานเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจริง เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยสาธารณชนมาเป็นเวลานาน และเจ้าของที่ดินเดิมไม่ได้หวงห้าม จึงพิพากษายกฟ้อง
ที่ดินสาธารณประโยชน์
ที่ดินสาธารณประโยชน์ คือ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนนั้นใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าที่ดินนั้นจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือผลของกฎหมายก็ตาม เช่น ที่ชายตลิ่ง ที่ป่าช้า สวนสาธารณะ
ที่ดินสาธารณประโยชน์เกิดได้จาก 4กรณี
1.)เกิดขึ้นโดยการสงวนหวงห้ามตามกฎหมาย คือ ที่ดินที่รัฐได้ประกาศไว้เป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์ส่วมรวม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรืออื่นๆ โดยที่ดินประเภทนี้นั้นจะมีการจดทะเบียนเป็นที่สาธารณสมับติของแผ่นดินและมีการกำหนดโดยคณะกรรมการจัดที่ดิน
ยกตัวอย่างเช่น ป่าสงวนแห่งชาติ , อุทยานแห่งชาติ , ป่าชายเลน , เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า เป็นต้น
หากที่ดินตกเป็นที่ดินที่เกิดจากการสงวนหวงห้ามตามกฎหมาย จะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เพราะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด
2.)เกิดขึ้นโดยการใช้ประโยชน์ร่วมกันจากประชาชน คือ ที่ดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เปิดเผย และโดยสงบ เป็นเวลานาน จนถือว่าที่ดินนั้นได้เปลี่ยนสภาพเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
ยกตัวอย่างเช่น มีที่ดินว่างเปล่าผืนหนึ่งไม่มีผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินผืนนั้น ประชาชนแถวนั้นได้นำสัตว์ไปเลี้ยงจนเป็นที่รู้จักของประชาชนแถวนั้นว่าเป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ ที่ดินแห่งนั้นกลายเป็นที่เลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์ไปโดยปริยาย
3.)เกิดขึ้นเองโดยตามธรรมชาติ ที่ดินที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และกฎหมายกำหนดให้เป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง ชายทะเล เป็นต้น หรือแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นทางเดินของประชาชนที่ใช้สัญจรไปมาเป็นประจำเป็นระยะเวลานานจนมีสภาพเป็นทางสาธารณประโยชน์ ที่ดินที่มีเจ้าของอยู่ติดกับแม่น้ำ ทะเล ต่อมาที่ดินถูกน้ำเซาะพังจนเปลี่ยนสภาพเป็นทางน้ำไปแล้วที่ดินนั้นย่อมตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
4.)เกิดขึ้นโดยการยกให้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี
- เป็นการอุทิศให้โดยตรง เช่น ทำหนังสือยกที่ดินให้เป็นที่สาธารณประโยชน์
- เป็นการอุทิศให้โดยปริยาย คือ การที่เจ้าของที่ดินนั้นยินยอมให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินของตัวเอง เป็นเวลานานกว่า 10ปี โดยไม่มีการห้าม
เมื่อเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์แล้ว ห้ามกระทำสิ่งต่อไปนี้
- ห้ามโอน ที่ดินสาธารณะประโยชน์นั้นไม่สามารถโอนหรือซื้อขายแก่กันได้ เว้นแต่จะออกเป็นพระราชบัญญัติ เท่านั้น
- ห้ามนำอายุความเป็นข้อต่อสู้กับรัฐ ถึงแม้ว่าจะครอบครองเกิน 10ปี แต่ไม่สามารถใช้หลักการครอบครองปรปักษ์เพื่อเป็นข้อต่อสู้กับรัฐได้
- ไม่สามารถบังคับคดีเพื่อขายทอดตลาด
- เมื่อที่ดินนั้นเป็นที่สาธารณประโยชน์ไปแล้ว จะคงสภาพการเป็นที่สาธารณประโยชน์ตลอดไปจนกว่าจะมี พระราชกฤษฎีกา ออกมาเพื่อถอนสภาพนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2545 (ที่ดินสาธารณะ)
ทรัพย์สินของแผ่นดินจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพของตัวทรัพย์นั้นว่าราษฎรได้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เมื่อที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แม้ทางราชการจะไม่ได้ทำหลักฐานหรือขึ้นทะเบียนไว้ ที่ดินพิพาทก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายที่ไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินและไม่อาจโอนให้แก่กันได้ เว้นแต่จะอาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา
การเปลี่ยนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์จากการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่ง
หมายความว่า การนำที่ดินสาธารณประโยชน์ที่หมดความจำเป็นในการใช้งานเดิม หรือไม่สามารถใช้งานเดิมได้แล้ว มาปรับปรุงหรือพัฒนาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่ โดยยังคงสถานะเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์และประชาชนนั้นยังสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อีก ยกตัวอย่างเช่น การถมลำรางหรือคลองสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขินให้เป็นทางสาธารณะ , การพัฒนาที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ให้เป็นสวนสาธารณะหรือสนามกีฬา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับที่สาธารณประโยชน์
ทางสาธารณประโยชน์ครอบครองได้ไหม?
ไม่ได้ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้น บุคคลใดจะเข้าครอบครองอ้างเป็นเจ้าของหรือใช้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
ทางสาธารณประโยชน์ ในโฉนดกว้างกี่เมตร
กฎหมายไม่ได้กำหนดความกว้างของทางสาธารณประโยชน์ในโฉนดที่ดินไว้แบบตายตัว โดยความกว้างของทางสาธารณประโยชน์นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ลักษณะของทาง ทางหลวงจะมีความกว้างมากกว่าทางสาธารณะอื่นๆ เช่น ทางเดินเท้า หรือทางระบายน้ำ
- วัตถุประสงค์ของการใช้ทางทางที่ใช้สำหรับการจราจรของยานพาหนะ จะมีความกว้างมากกว่าทางที่ใช้สำหรับการเดินเท้า
- ยกเว้น พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 กำหนดความกว้างขั้นต่ำของทางหลวงแผ่นดินไว้ที่ 10 เมตร
การครอบครองที่ดินสาธารณะเกิน10 ปี
ไม่สามารถครอบครองได้ เนื่องจาก ที่ดินสาธารณะนั้นมีหลักเกณฑ์พิเศษที่ไม่เหมือนกับการครอบครองปรปักษ์ทั่วไป ผู้ครอบครองนั้นไม่สามารถยกอายุความเพื่อสู้กับรัฐได้
ที่สาธารณะ มีอะไรบ้าง
เป็นสถานที่ที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการใช้งานมีหลายสถานที่และหลายประเภทขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของสถานที่นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น
- สวนสาธารณะ
- ห้องสมุด
- โรงพยาบาล
- สถานีตำรวจ
- โรงเรียน
- ศาสนสถาน เป็นต้น
สรุป
หากมีการพูดคุยที่ดีและได้รับประสบการณ์ที่ดีจากชาวบ้านระแวกที่ดิน เราสามารถยกที่ดินเหล่านั้นให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ได้ หรือหากไม่มีการไปตรวจเช็คหรือรังวัดที่ดินบ่อยๆ ที่ดินของเราอาจกลายเป็นทางสาธารณประโยชน์ได้นะครับ หากมีข้อสงสัยทางด้านที่ดิน อย่ารอช้าที่จะปรึกษาทนายความผ่าน Legardy สามารถปรึกษาได้ตลอด 24ชั่วโมง !
