เผยแพร่เมื่อ: 2024-03-11

การลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำ

กฎหมายนั้นเป็นเครื่องมือเพื่อใช้สร้างความสงบสุขเรียบร้อยและความเป็นธรรมให้แก่สังคม หากมีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับบทลงโทษเพื่อยับยั้งและแก้ไขพฤติกรรมเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีผู้ที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายเช่นกัน ได้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทความนี้จะพูดถึงการลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำกันครับ บทความนี้ Legardy จะพาผู้อ่านทุกท่านมาเข้าใจกันให้มากขึ้นครับ


Untitled design (98).png

กฎหมายการลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 

ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ถ้าและได้กระทำความผิดใด ๆ อีกในระหว่างที่ยังจะต้องรับโทษอยู่ก็ดี ภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษก็ดี หากศาลจะพิพากษาลงโทษครั้งหลังถึงจำคุก ก็ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้นั้นหนึ่งในสามของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลัง

มาตรานี้มีไว้เพื่อเพิ่มโทษแก่ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และกลับมากระทำความผิดอีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามการกระทำผิดซ้ำ และคุ้มครองสังคมจากบุคคลอันตราย

เงื่อนไขการเพิ่มโทษตามมาตรา 92

1.ต้องเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษานั้นถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้อีก

2.กระทำความผิดซ้ำหลังจากพ้นโทษจำคุกจากคดีแรก หรือในขณะที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่ ได้กระทำความผิดอาญาใดๆ อีกครั้งหนึ่ง

3.การกระทำความผิดซ้ำต้องเกิดขึ้นภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษจากคดีแรก หรือในระหว่างที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่

4.หากศาลตัดสินให้จำคุกในความผิดครั้งหลัง จึงจะเข้าเงื่อนไขการเพิ่มโทษตามมาตรานี้

5.โดยศาลจะเพิ่มโทษให้ 1 ใน 3 ของโทษที่ศาลกำหนดไว้สำหรับความผิดครั้งหลัง

เช่น Aกระทำผิดซ้ำศาลจึงตัดสินจำคุก 3 ปี เมื่อพิจารณาเพิ่มโทษตามมาตรา 92 แล้ว โทษจำคุกจะกลายเป็น 4 ปี  (3ปี +1/3ของ3ปี)


ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 

การเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งสำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำในความผิดบางประเภท

ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ถ้าและได้กระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดที่จำแนกไว้ในอนุมาตราต่อไปนี้ซ้ำในอนุมาตราเดียวกันอีกในระหว่างที่ยังจะต้องรับโทษอยู่ก็ดี ภายในเวลาสามปีนับแต่วันพ้นโทษก็ดี ถ้าความผิดครั้งแรกเป็นความผิดซึ่งศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไม่น้อยกว่าหกเดือน หากศาลจะพิพากษาลงโทษครั้งหลังถึงจำคุก ก็ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้นั้นกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลัง

เงื่อนไขการเพิ่มโทษ

1.เคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษานั้นถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้อีก

2.โทษจำคุกในคดีแรกต้องไม่น้อยกว่า 6 เดือน ความผิดครั้งแรกต้องเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก และศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจริงไม่น้อยกว่า 6 เดือน

3.หลังจากพ้นโทษจำคุกจากคดีแรก หรือในขณะที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่ ได้กระทำความผิดเดิมซ้ำอีก

4.การกระทำความผิดซ้ำต้องเกิดขึ้นภายใน 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษจากคดีแรก หรือในระหว่างที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่

ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !


โดยความผิดซ้ำที่ต้องเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 93 มีดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามมาตรา 107 ถึงมาตรา 135 

  1.1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 107 - 112)

  • การล่วงละเมิด, ข่มขู่คุกคาม, หมิ่นประมาท, ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย
  • การยุยงให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
  • การเป็นกบฏ หรือยุยงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือรัฐบาลโดยใช้กำลัง

   1.2 ความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (มาตรา 113 - 118)

  • การแบ่งแยกราชอาณาจักร
  • การยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง
  • การก่อการร้าย, สะสมกำลังพล, อาวุธ, หรือวัตถุระเบิด
  • การฝึกอาวุธ หรือการฝึกอบรมเพื่อการก่อการร้าย
  • การสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือในการก่อการร้าย

   1.3 ความผิดต่อรัฐธรรมนูญ (มาตรา 119 - 122)

  • การใช้กำลังเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ
  • การได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยมิชอบ
  • การก่อการร้ายเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
  • การบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐธรรมนูญ

   1.4 ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ (มาตรา 123 - 132)

  • การทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • การก่อสงคราม, ก่อการร้ายในต่างประเทศ
  • การสู้รบ หรือสนับสนุนการสู้รบในต่างประเทศ
  • การฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
  • การหมิ่นประมาทประมุขหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ

   1.5 ความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (มาตรา 133 - 135)

  • การเป็นสมาชิกในกองกำลังที่มิใช่ของรัฐบาลไทย
  • การฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง

ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !

2.ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 136 ถึงมาตรา 146

   2.1 ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน (มาตรา 136, 137, 138)

  • ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
  • ขัดขวางการจับกุม
  • กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน

   2.2 ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ (มาตรา 139)

  • ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือเพราะได้ปฏิบัติหน้าที่
  • แสดงกิริยาอาการ อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่นั้น หมดความอดทน เสียใจ หรือเจ็บใจ

   2.3 ให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน (มาตรา 143, 144)

  • ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่
  • เจ้าพนักงานเรียกร้องหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด

   2.4 ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน (มาตรา 140)

  • ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
  • ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขู่
  • เพื่อให้เจ้าพนักงานกระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่

   2.5 ละเมิดอำนาจศาล (มาตรา 145, 146)

  • ผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาคดีของศาล

 

 

3.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 147 ถึงมาตรา 166

   3.1เบียดบังทรัพย์ (มาตรา 147) เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์สินของทางราชการไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่น

   3.2เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น (มาตรา 149): เจ้าพนักงานเรียกหรือรับสินบนเพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

   3.3ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (มาตรา 157): เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

   3.4ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (มาตรา 157): เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้

   3.5กระทำการหรือไม่กระทำการโดยทุจริต (มาตรา 148): เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ หรือให้ผู้อื่นเสียหาย

   3.6ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต (มาตรา 152): เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ ข่มขู่ หรือขู่เข็ญ เพื่อให้ผู้อื่นยอมให้ หรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์

   3.7เรียกรับสินบน (มาตรา 149): เจ้าพนักงานเรียกหรือรับสินบนเพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

   3.8ฮั้วประมูล (มาตรา 158): เจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลการประมูล กระทำผิดหน้าที่เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ หรือร่วมกันกับผู้เข้าประมูลเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น

   3.9เปิดเผยความลับ (มาตรา 162): เจ้าพนักงานเปิดเผยความลับโดยมิชอบ

   3.10ปลอมแปลงเอกสาร (มาตรา 163): เจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารราชการ

4.ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 167 ถึงมาตรา 192 และมาตรา 194

 4.1 การขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน

  • ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน (มาตรา 167)
  • ขัดขวางการจับกุม (มาตรา 168)
  • ขัดขวางการตรวจค้น (มาตรา 169)
  • ขัดขวางการยึดทรัพย์ (มาตรา 170)
  • ขัดขวางการขายทอดตลาด (มาตรา 171)
  • ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ (มาตรา 172)

 4.2 การหลบหนีการจับกุมหรือควบคุม

  • หลบหนีไปในระหว่างถูกจับ (มาตรา 173)
  • หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขัง (มาตรา 174)
  • ช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี (มาตรา 175)
  • ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกปล่อยชั่วคราวไม่มาศาลตามกำหนดนัด (มาตรา 176)

 4.3 การให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงาน

 4.4 การละเมิดอำนาจศาล

  • ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา (มาตรา 194)
  • กระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาคดีของศาล (มาตรา 194)
  • ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งสิ่งใดเพื่อไม่ให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี (มาตรา 184)
  • ข่มขู่พยานหรือผู้เกี่ยวข้องในคดี (มาตรา 185)

Untitled design (98).png

5.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 200 ถึงมาตรา 204

 5.1 มาตรา 200 - 201 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

  • ผู้พิพากษาหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการยุติธรรม ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้กระทำความผิดพ้นจากการจับกุม หรือรับโทษน้อยลง หรือได้รับประโยชน์ที่มิควรได้
  • มีเจตนาช่วยเหลือ หรือมีผลเป็นการช่วยเหลือ

 5.2 มาตรา 202 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

  • ผู้พิพากษาหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้อง รับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น หรือไม่ได้รับประโยชน์ตามกฎหมาย
  • มีเจตนาแกล้ง หรือมีผลเป็นการแกล้ง

  5.3 มาตรา 203 ฐานทุจริต

  • ผู้พิพากษาหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการยุติธรรม กระทำการโดยทุจริต อันเป็นการเสียหาย แก่รัฐ แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือแก่สาธารณประโยชน์
  • มีเจตนา หรือรู้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการเสียหาย หรือจะเป็นประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ

6.ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 209 ถึงมาตรา 216 

7.ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน

 7.1 ความผิดเกี่ยวกับเพลิง (มาตรา 217 - 224)

  • วางเพลิง เผาทรัพย์ของผู้อื่น โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย ฯลฯ โดยมีเจตนา

 7.2 ความผิดเกี่ยวกับวัตถุระเบิด (มาตรา 226 - 230)

  • ทำให้เกิดระเบิด หรือมีหรือใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต

 7.3 ความผิดเกี่ยวกับการคมนาคม (มาตรา 231 - 234)

  • กระทำการใดๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อการเดินรถโดยสาร: เช่น วางสิ่งกีดขวางทางรถไฟ ถอดเครื่องหมายที่เกี่ยวกับการเดินรถ เป็นต้น

 7.4 กระทำการใดๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อทางสาธารณะ: 

  • เช่น ขุดหลุมบนถนน ทำลายสะพาน เป็นต้น

8.ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา, ดวงตราแสตมป์และตั๋ว, และเอกสาร (มาตรา 240 - 269)

 8.1 ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา (มาตรา 240 - 249)

  • ปลอมแปลง, เอาไปทั้งฉบับหรือแต่บางส่วน, ใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราปลอม
  • ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่าซึ่งเงินตรา
  • นำเข้าหรือส่งออกซึ่งเงินตราปลอม

 8.2 ความผิดเกี่ยวกับดวงตราแสตมป์และตั๋ว (มาตรา 250 - 261)

8.3 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร (มาตรา 264 - 269)

  • ปลอม, ใช้, หรือทำให้เสียหายซึ่งเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ
  • ใช้หรืออ้างเอกสารปลอม

9. ความผิดเกี่ยวกับการค้า (มาตรา 270 - 275)

Untitled design (100).png

10. ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276 - 285)

  • ข่มขืนกระทำชำเรา, กระทำอนาจาร, พรากผู้เยาว์, พาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร
  • กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, กระทำชำเราเด็กอายุเกิน 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี, กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, กระทำอนาจารเด็กอายุเกิน 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี
  • บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้ ชื่อเสียง หรืออำนาจในตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือยศศักดิ์ เพื่อให้บุคคลนั้นยอม
  • เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม

11. ความผิดต่อชีวิต, ร่างกาย, การทำให้แท้งลูก, และการทอดทิ้ง (มาตรา 288 - 308)

12 ความผิดต่อเสรีภาพ (มาตรา 309, 310, 312 - 320)

  • กักขังหน่วงเหนี่ยว, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
  • หมิ่นประมาท, ดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา

13 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ (มาตรา 334 - 365)

  • ลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์, รับของโจร
  • ยักยอกทรัพย์, ฉ้อโกง, กรรโชก, รีดเอาทรัพย์, ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
  • ทำลาย ทำให้เสียหาย หรือทำให้เสื่อมค่าซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย

หากความผิดครั้งหลังมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และศาลตัดสินจำคุก 3 ปี เมื่อพิจารณาเพิ่มโทษตามมาตรา 93 แล้ว โทษจำคุกจะกลายเป็น 4 ปี 6 เดือน (3 ปี + (1/2)*3 ปี = 4.5 ปี)


แต่การลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำนั้นก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน

มาตรา 94 กำหนดข้อยกเว้นไว้ว่า ความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ และความผิดซึ่งผู้กระทำได้กระทำในขณะที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี จะไม่ถือเป็นความผิดเพื่อการเพิ่มโทษตามมาตรา 93 หากมีข้อสงสัยต้องการปรึกษาทนายความเพื่อหาทางออกกฎหมาย สามารถติดต่อผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมงครับ

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
sanook ข่าวสด มติชน spring
cta
ปรึกษาทนาย 24 ชั่วโมง
“ ได้รับคำตอบทันที ! “
cta
ปรึกษาทนายได้ตลอด 24 ชม.