การลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำ
กฎหมายนั้นเป็นเครื่องมือเพื่อใช้สร้างความสงบสุขเรียบร้อยและความเป็นธรรมให้แก่สังคม หากมีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับบทลงโทษเพื่อยับยั้งและแก้ไขพฤติกรรมเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีผู้ที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายเช่นกัน ได้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทความนี้จะพูดถึงการลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำกันครับ บทความนี้ Legardy จะพาผู้อ่านทุกท่านมาเข้าใจกันให้มากขึ้นครับ
กฎหมายการลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92
ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ถ้าและได้กระทำความผิดใด ๆ อีกในระหว่างที่ยังจะต้องรับโทษอยู่ก็ดี ภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษก็ดี หากศาลจะพิพากษาลงโทษครั้งหลังถึงจำคุก ก็ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้นั้นหนึ่งในสามของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลัง
มาตรานี้มีไว้เพื่อเพิ่มโทษแก่ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และกลับมากระทำความผิดอีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามการกระทำผิดซ้ำ และคุ้มครองสังคมจากบุคคลอันตราย
เงื่อนไขการเพิ่มโทษตามมาตรา 92
1.ต้องเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษานั้นถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้อีก
2.กระทำความผิดซ้ำหลังจากพ้นโทษจำคุกจากคดีแรก หรือในขณะที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่ ได้กระทำความผิดอาญาใดๆ อีกครั้งหนึ่ง
3.การกระทำความผิดซ้ำต้องเกิดขึ้นภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษจากคดีแรก หรือในระหว่างที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่
4.หากศาลตัดสินให้จำคุกในความผิดครั้งหลัง จึงจะเข้าเงื่อนไขการเพิ่มโทษตามมาตรานี้
5.โดยศาลจะเพิ่มโทษให้ 1 ใน 3 ของโทษที่ศาลกำหนดไว้สำหรับความผิดครั้งหลัง
เช่น Aกระทำผิดซ้ำศาลจึงตัดสินจำคุก 3 ปี เมื่อพิจารณาเพิ่มโทษตามมาตรา 92 แล้ว โทษจำคุกจะกลายเป็น 4 ปี (3ปี +1/3ของ3ปี)
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93
การเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งสำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำในความผิดบางประเภท
ผู้ใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ถ้าและได้กระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดที่จำแนกไว้ในอนุมาตราต่อไปนี้ซ้ำในอนุมาตราเดียวกันอีกในระหว่างที่ยังจะต้องรับโทษอยู่ก็ดี ภายในเวลาสามปีนับแต่วันพ้นโทษก็ดี ถ้าความผิดครั้งแรกเป็นความผิดซึ่งศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไม่น้อยกว่าหกเดือน หากศาลจะพิพากษาลงโทษครั้งหลังถึงจำคุก ก็ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้นั้นกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดครั้งหลัง
เงื่อนไขการเพิ่มโทษ
1.เคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษานั้นถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้อีก
2.โทษจำคุกในคดีแรกต้องไม่น้อยกว่า 6 เดือน ความผิดครั้งแรกต้องเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก และศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจริงไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3.หลังจากพ้นโทษจำคุกจากคดีแรก หรือในขณะที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่ ได้กระทำความผิดเดิมซ้ำอีก
4.การกระทำความผิดซ้ำต้องเกิดขึ้นภายใน 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษจากคดีแรก หรือในระหว่างที่ยังต้องโทษจำคุกอยู่
ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !
โดยความผิดซ้ำที่ต้องเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 93 มีดังนี้
1. ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามมาตรา 107 ถึงมาตรา 135
1.1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (มาตรา 107 - 112)
- การล่วงละเมิด, ข่มขู่คุกคาม, หมิ่นประมาท, ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย
- การยุยงให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
- การเป็นกบฏ หรือยุยงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือรัฐบาลโดยใช้กำลัง
1.2 ความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (มาตรา 113 - 118)
- การแบ่งแยกราชอาณาจักร
- การยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง
- การก่อการร้าย, สะสมกำลังพล, อาวุธ, หรือวัตถุระเบิด
- การฝึกอาวุธ หรือการฝึกอบรมเพื่อการก่อการร้าย
- การสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือในการก่อการร้าย
1.3 ความผิดต่อรัฐธรรมนูญ (มาตรา 119 - 122)
- การใช้กำลังเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ
- การได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยมิชอบ
- การก่อการร้ายเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- การบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐธรรมนูญ
1.4 ความผิดต่อสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ (มาตรา 123 - 132)
- การทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- การก่อสงคราม, ก่อการร้ายในต่างประเทศ
- การสู้รบ หรือสนับสนุนการสู้รบในต่างประเทศ
- การฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
- การหมิ่นประมาทประมุขหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ
1.5 ความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (มาตรา 133 - 135)
- การเป็นสมาชิกในกองกำลังที่มิใช่ของรัฐบาลไทย
- การฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- การขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง
ต้องการค้นหาด้านกฎหมายใช่ไหม ? สามารถค้นหาบทความ, คำปรึกษาจริง, มาตราที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่ !
2.ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 136 ถึงมาตรา 146
2.1 ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน (มาตรา 136, 137, 138)
- ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
- ขัดขวางการจับกุม
- กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
2.2 ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ (มาตรา 139)
- ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือเพราะได้ปฏิบัติหน้าที่
- แสดงกิริยาอาการ อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่นั้น หมดความอดทน เสียใจ หรือเจ็บใจ
2.3 ให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน (มาตรา 143, 144)
- ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่
- เจ้าพนักงานเรียกร้องหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
2.4 ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน (มาตรา 140)
- ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
- ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขู่
- เพื่อให้เจ้าพนักงานกระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่
2.5 ละเมิดอำนาจศาล (มาตรา 145, 146)
- ผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาคดีของศาล
3.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 147 ถึงมาตรา 166
3.1เบียดบังทรัพย์ (มาตรา 147) เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์สินของทางราชการไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่น
3.2เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น (มาตรา 149): เจ้าพนักงานเรียกหรือรับสินบนเพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
3.3ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (มาตรา 157): เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
3.4ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (มาตรา 157): เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้
3.5กระทำการหรือไม่กระทำการโดยทุจริต (มาตรา 148): เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ หรือให้ผู้อื่นเสียหาย
3.6ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต (มาตรา 152): เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ ข่มขู่ หรือขู่เข็ญ เพื่อให้ผู้อื่นยอมให้ หรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์
3.7เรียกรับสินบน (มาตรา 149): เจ้าพนักงานเรียกหรือรับสินบนเพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
3.8ฮั้วประมูล (มาตรา 158): เจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลการประมูล กระทำผิดหน้าที่เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ หรือร่วมกันกับผู้เข้าประมูลเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น
3.9เปิดเผยความลับ (มาตรา 162): เจ้าพนักงานเปิดเผยความลับโดยมิชอบ
3.10ปลอมแปลงเอกสาร (มาตรา 163): เจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารราชการ
4.ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 167 ถึงมาตรา 192 และมาตรา 194
4.1 การขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
- ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน (มาตรา 167)
- ขัดขวางการจับกุม (มาตรา 168)
- ขัดขวางการตรวจค้น (มาตรา 169)
- ขัดขวางการยึดทรัพย์ (มาตรา 170)
- ขัดขวางการขายทอดตลาด (มาตรา 171)
- ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ (มาตรา 172)
4.2 การหลบหนีการจับกุมหรือควบคุม
- หลบหนีไปในระหว่างถูกจับ (มาตรา 173)
- หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขัง (มาตรา 174)
- ช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี (มาตรา 175)
- ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกปล่อยชั่วคราวไม่มาศาลตามกำหนดนัด (มาตรา 176)
4.3 การให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงาน
- ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน (มาตรา 177)
- แจ้งความเท็จ (มาตรา 178)
- เบิกความเท็จ (มาตรา 179)
- ปฏิเสธหรือบิดเบือนความจริงในการให้การ (มาตรา 180)
- จ้างวานให้ผู้อื่นให้การเท็จ (มาตรา 181)
4.4 การละเมิดอำนาจศาล
- ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา (มาตรา 194)
- กระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาคดีของศาล (มาตรา 194)
- ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งสิ่งใดเพื่อไม่ให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี (มาตรา 184)
- ข่มขู่พยานหรือผู้เกี่ยวข้องในคดี (มาตรา 185)
5.ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 200 ถึงมาตรา 204
5.1 มาตรา 200 - 201 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
- ผู้พิพากษาหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการยุติธรรม ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้กระทำความผิดพ้นจากการจับกุม หรือรับโทษน้อยลง หรือได้รับประโยชน์ที่มิควรได้
- มีเจตนาช่วยเหลือ หรือมีผลเป็นการช่วยเหลือ
5.2 มาตรา 202 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
- ผู้พิพากษาหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้อง รับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น หรือไม่ได้รับประโยชน์ตามกฎหมาย
- มีเจตนาแกล้ง หรือมีผลเป็นการแกล้ง
5.3 มาตรา 203 ฐานทุจริต
- ผู้พิพากษาหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการยุติธรรม กระทำการโดยทุจริต อันเป็นการเสียหาย แก่รัฐ แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือแก่สาธารณประโยชน์
- มีเจตนา หรือรู้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการเสียหาย หรือจะเป็นประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
6.ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 209 ถึงมาตรา 216
7.ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน
7.1 ความผิดเกี่ยวกับเพลิง (มาตรา 217 - 224)
- วางเพลิง เผาทรัพย์ของผู้อื่น โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย ฯลฯ โดยมีเจตนา
7.2 ความผิดเกี่ยวกับวัตถุระเบิด (มาตรา 226 - 230)
- ทำให้เกิดระเบิด หรือมีหรือใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต
7.3 ความผิดเกี่ยวกับการคมนาคม (มาตรา 231 - 234)
- กระทำการใดๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อการเดินรถโดยสาร: เช่น วางสิ่งกีดขวางทางรถไฟ ถอดเครื่องหมายที่เกี่ยวกับการเดินรถ เป็นต้น
7.4 กระทำการใดๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อทางสาธารณะ:
- เช่น ขุดหลุมบนถนน ทำลายสะพาน เป็นต้น
8.ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา, ดวงตราแสตมป์และตั๋ว, และเอกสาร (มาตรา 240 - 269)
8.1 ความผิดเกี่ยวกับเงินตรา (มาตรา 240 - 249)
- ปลอมแปลง, เอาไปทั้งฉบับหรือแต่บางส่วน, ใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราปลอม
- ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่าซึ่งเงินตรา
- นำเข้าหรือส่งออกซึ่งเงินตราปลอม
8.2 ความผิดเกี่ยวกับดวงตราแสตมป์และตั๋ว (มาตรา 250 - 261)
- ปลอม, ใช้, ทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งดวงตราแสตมป์
- ปลอมแปลงตั๋วเงิน, ตั๋วสัญญาใช้เงิน, เช็ค หรือใช้ตั๋วปลอมเหล่านี้
8.3 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร (มาตรา 264 - 269)
- ปลอม, ใช้, หรือทำให้เสียหายซึ่งเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ
- ใช้หรืออ้างเอกสารปลอม
9. ความผิดเกี่ยวกับการค้า (มาตรา 270 - 275)
- ฉ้อโกง, กรรโชกทรัพย์, ข่มขืนใจให้บุคคลใดทำ สละ หรือไม่กระทำการใด
- ทำให้เสียทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์
- รับของโจร
10. ความผิดเกี่ยวกับเพศ (มาตรา 276 - 285)
- ข่มขืนกระทำชำเรา, กระทำอนาจาร, พรากผู้เยาว์, พาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร
- กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, กระทำชำเราเด็กอายุเกิน 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี, กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, กระทำอนาจารเด็กอายุเกิน 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี
- บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้ ชื่อเสียง หรืออำนาจในตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือยศศักดิ์ เพื่อให้บุคคลนั้นยอม
- เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม
11. ความผิดต่อชีวิต, ร่างกาย, การทำให้แท้งลูก, และการทอดทิ้ง (มาตรา 288 - 308)
- ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
- ทำให้แท้งลูก, ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน, ทอดทิ้งผู้ซึ่งตนมีหน้าที่ต้องดูแล
12 ความผิดต่อเสรีภาพ (มาตรา 309, 310, 312 - 320)
- กักขังหน่วงเหนี่ยว, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล
- หมิ่นประมาท, ดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา
13 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ (มาตรา 334 - 365)
- ลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์, รับของโจร
- ยักยอกทรัพย์, ฉ้อโกง, กรรโชก, รีดเอาทรัพย์, ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
- ทำลาย ทำให้เสียหาย หรือทำให้เสื่อมค่าซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
หากความผิดครั้งหลังมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และศาลตัดสินจำคุก 3 ปี เมื่อพิจารณาเพิ่มโทษตามมาตรา 93 แล้ว โทษจำคุกจะกลายเป็น 4 ปี 6 เดือน (3 ปี + (1/2)*3 ปี = 4.5 ปี)
แต่การลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำนั้นก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน
มาตรา 94 กำหนดข้อยกเว้นไว้ว่า ความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ และความผิดซึ่งผู้กระทำได้กระทำในขณะที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี จะไม่ถือเป็นความผิดเพื่อการเพิ่มโทษตามมาตรา 93 หากมีข้อสงสัยต้องการปรึกษาทนายความเพื่อหาทางออกกฎหมาย สามารถติดต่อผ่าน Legardy ได้ตลอด 24ชั่วโมงครับ
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว