สิทธิของผู้ต้องหา
เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรมหรือมีคนถูกกล่าวหาว่าทำความผิดตามกฎหมายอาญา ตำรวจจะเข้ามาสืบหาความเป็นจริง แต่ไม่สามารถตัดสินได้ทันทีว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้กระทำความผิดทันที แต่ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาความจริงว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ เพื่อเป็นการคุ้มครองและให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาและผู้เสียหาย
ผู้ต้องหาคือใคร
ผู้ต้องหา คือ คนที่ถูกกล่าวหาว่าทำความผิด แต่ศาลยังไม่ได้รับฟ้อง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (2) ดังนั้น ผู้ต้องหาจึงเป็นเพียงบุคคลที่ถูกสงสัยว่าอาจกระทำความผิด แต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากศาลว่าได้กระทำความผิดจริงไหม
ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรคสอง มีหลักกฎหมายเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ต้องหาว่า
ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหายังไม่มีความผิด แม้บุคคลดังกล่าวจะถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดก็ตาม แต่ยังไม่ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิดจริง จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดยืนยันว่าบุคคลนั้นกระทำความผิด
ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ผู้ต้องหาจึงมีสิทธิดังต่อไปนี้
สิทธิของผู้ต้องหาเมื่อถูกจับ
เมื่อผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหา เพื่อดำเนินการสอบสวนและนำไปฝากขังตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการแจ้งสิทธิต่าง ๆ เหล่านี้ให้แก่ผู้ต้องหาทราบถึงสิทธิของตน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7/1 ดังนี้
1. สิทธิในการแจ้งให้ญาติทราบถึงการถูกจับกุม
ผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมหรือขังมีสิทธิแจ้งหรือขอให้ตำรวจแจ้งให้ญาติที่ผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุม
2. สิทธิในการพบหรือปรึกษาทนายความ
ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่ามีทนายความที่ต้องการพบและขอปรึกษาทนายความเพื่อให้ทนายความช่วยเหลือในทางคดีและเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา
3. สิทธิในการให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ในชั้นสอบสวน
ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้ทนายความ หรือบุคคลอื่นที่ตนไว้วางใจ เช่น พ่อ แม่ คู่สมรส หรือญาติ เข้าร่วมฟังการสอบปากคำของตนในระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนได้ สิทธินี้มีขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พนักงานสอบสวนกระทำการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา เช่น การข่มขู่ บังคับให้รับสารภาพ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงอื่น ๆ
4. สิทธิในการได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติของตนเองได้
ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะติดต่อหรือรับการเยี่ยมจากญาติหรือบุคคลใกล้ชิดของตนเองได้ เช่น พ่อ แม่ คู่สมรส หรือญาติ ทั้งนี้ สามารถแจ้งให้ญาติให้ความช่วยเหลือในการจัดหาทนายความ หรือช่วยจัดหาหลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราวได้
5. สิทธิในการได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วหากเจ็บป่วย
หากผู้ต้องหามีอาการเจ็บป่วยในระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องจัดให้ผู้ต้องหาได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีเพื่อคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกาย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
สิทธิของผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน
สิทธิของผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีดังนี้
1. สิทธิของผู้ต้องหาในการทราบข้อกล่าวหา
ก่อนเริ่มกระบวนการสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว จะมีการถามข้อมูลส่วนตัวของผู้ต้องหา ได้แก่ ชื่อ-สกุล ชื่อรอง สัญชาติ บิดา มารดา อายุ อาชีพ ที่อยู่ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดจริงไหม
หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อเท็จจริงให้ผู้ต้องหาทราบว่าถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอะไร หลังจากนั้นจะแจ้งข้อหาฐานความผิดตามกฎหมายให้ทราบ เช่น ฉ้อโกง ลักทรัพย์บุคคลอื่น ทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น เป็นต้น การแจ้งข้อหาสำคัญมากเพราะจะช่วยให้ผู้ต้องหา รู้ว่าโดนกล่าวหาว่ากระทำผิดเรื่องอะไร จะได้ตอบหรือแก้ต่างได้ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคหนึ่ง
ทั้งนี้ การที่จะกล่าวหาผู้ต้องหานั้น ต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิด จะกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคสอง
2. สิทธิของผู้ต้องหาในการได้รับการสอบสวนโดยเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม
เมื่อถึงกระบวนการสอบสวนแล้ว ผู้ต้องหาต้องได้รับสิทธิในการสอบสวนด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคสาม
3. สิทธิของผู้ต้องหาในการมีทนายความ
สิทธิของผู้ต้องหาในการมีทนายความในชั้นสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีดังนี้
สิทธิในการมีทนายความของคดีที่มีโทษประหารชีวิต
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต กฎหมายกำหนดให้ผู้ต้องหาจะต้องมีทนายความช่วยเหลือทางคดีเท่านั้น ตั้งแต่ชั้นสอบสวนเป็นต้นไป เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา และเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม
ก่อนเริ่มการสอบสวนและถามคำให้การผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนต้องสอบถามผู้ต้องหาก่อนว่ามีทนายความส่วนตัวหรือหรือไม่ หากผู้ต้องหาไม่มีทนายความให้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดหาทนายความให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือให้คำแนะนำและอยู่ร่วมในการสอบสวน แม้ผู้ต้องหาจะไม่ต้องการและไม่ได้ร้องขอให้หาทนายความให้ กฎหมายก็บังคับให้ต้องมีทนายความเข้าร่วมสอบสวนเสมอ เพราะเป็นคดีร้ายแรงที่อาจกระทบต่อชีวิตของผู้ต้องหาโดยตรง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาฎีกาที่ 7703/2554
คดีที่มีอัตราโทษประหาร ก่อนเริ่มถามคำให้การให้พนักงานสอบสวนถามผู้ต้องหาว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีให้รัฐจัดหาทนายความให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ได้จัดหาทนายความให้จำเลยที่ 2 อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 134/1 ถ้อยคำใด ๆ ที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้ในชั้นสอบสวน ย่อมจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ ตามมาตรา 134/4 วรรคท้าย ดังนี้ จึงไม่อาจฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 มารับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อลงโทษจำเลยที่ 2
สิทธิในการมีทนายความของคดีที่ผู้ต้องหามีอายุไม่เกิน 18 ปี
ในคดีที่ผู้ต้องหายังเป็นเด็กหรือเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา กฎหมายให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะเด็กยังขาดวุฒิภาวะทางความคิดและอาจไม่เข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย
ก่อนเริ่มการสอบสวนและถามคำให้การผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนต้องสอบถามผู้ต้องหาก่อนว่ามีทนายความส่วนตัวหรือหรือไม่ หากผู้ต้องหาไม่มีทนายความให้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดหาทนายความให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
เพราะคดีที่เด็กหรือผู้เยาว์เป็นผู้กระทำความผิดต้องมีทนายความเท่านั้น ไม่ว่าผู้ต้องหาจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม กฎหมายบังคับให้มีทนายความเข้าร่วมการสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 วรรคหนึ่ง
สิทธิในการมีทนายความของคดีที่มีอัตราโทษจำคุก
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุก ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ก่อนเริ่มสอบสวนหรือถามคำให้การ กฎหมายกำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาโดยเฉพาะสิทธิในการมีทนายความ ในกรณีที่ผู้ต้องหามีทนายความอยู่แล้ว พนักงานสอบสวนต้องให้ทนายความเข้าฟังการสอบสวนหรือการให้คำให้การได้ แต่หากผู้ต้องหาไม่มีทนายความ และผู้ต้องหาประสงค์จะมีทนายความในการช่วยเหลือกฎหมายกำหนดให้ รัฐต้องจัดหาทนายความให้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 วรรคสอง

4. สิทธิในการเข้าฟังการสอบปากคำของผู้ต้องหา
ผู้ต้องหามีสิทธิให้ทนายความของตนเข้าฟังการสอบปากคำได้ หรือบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/3
5. สิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การหรือไม่ให้การก็ได้
พนักงานสอบสวนต้องแจ้งสิทธิให้แก่ผู้ต้องหาทราบว่าในการถามคำให้การผู้ต้องหา ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การหรือไม่ก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาให้การ ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้การนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/4 (1)
6. สิทธิของผู้ต้องหาในการให้การโดยสมัครใจ
คำให้การผู้ต้องหาต้องเป็นคำให้การที่สมัครใจ โดยต้องไม่ถูกบังคับหรือหลอกลวง ให้พูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด ห้ามไม่ให้พนักงานสอบสวนให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบประการใด ๆ เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ต้องหาให้การตามที่ต้องการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 135
ในท้ายนี้
สิทธิของผู้ต้องหาเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการยุติธรรม เพราะมีไว้เพื่อคุ้มครองผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาอาจจะไม่ได้เป็นคนทำผิดจริง จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดพิสูจน์ว่าผู้ต้องหามีความผิดจริง ดังนั้น ถ้าเราเองหรือคนใกล้ตัวกลายเป็นผู้ต้องหา เราควรรู้สิทธิของผู้ต้องหาไว้ เพราะสิทธิเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ต้องหาได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และสามารถใช้สิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ







