ถูกอายัดเงินเดือน ต้องรับมืออย่างไร?
เมื่อได้รับหมายอายัดเงินเดือน หลายคนตกใจมากเมื่อได้รับแจ้งว่าเงินเดือนถูกอายัด แต่ความจริงแล้ว ถ้าเราเข้าใจกฎหมายและรู้จักใช้สิทธิของตัวเอง เราสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้
สิ่งแรกที่ต้องทำทันที
1. ถ่ายรูปเอกสารเก็บไว้
เมื่อได้รับหมายแจ้งการอายัด ไม่ว่าจะเป็นจากบริษัทหรือกรมบังคับคดี อย่างแรกคือถ่ายรูปหรือทำสำเนาเอกสารทันที อย่าทิ้งหรือเพิกเฉย เพราะเอกสารนี้สำคัญมาก
2. ดูข้อมูลสำคัญในเอกสาร
เปิดดูเอกสารและจดข้อมูลเหล่านี้
- เลขคดีแดง
- เป็นเลขอ้างอิงของคดีที่คุณต้องใช้ติดต่อกรมบังคับคดี
- ชื่อเจ้าพนักงานบังคับคดี
- คนที่ดูแลคดีของคุณ
- ยอดหนี้
- จำนวนเงินที่ต้องชำระ
3. สำนักงานบังคับคดี
สถานที่ที่คุณต้องไปติดต่อ โทรหรือไปติดต่อกรมบังคับคดี หรือไปที่สำนักงานบังคับคดีเพื่อ
- ยืนยันยอดหนี้จริงๆ ที่เหลืออยู่
- ถามว่าต้องทำอะไรต่อไป
4. สอบถามขั้นตอนการขอลดเงินอายัด
พูดกับฝ่ายบุคคลของบริษัท แจ้ง HR ของบริษัทว่าคุณรับทราบเรื่องการอายัดแล้ว และขอเอกสารสำคัญคือ หนังสือรับรองเงินเดือน ที่แยกรายได้แต่ละประเภทให้ชัดเจน เช่น เงินเดือนประจำ, ค่าล่วงเวลา (OT), โบนัส เป็นต้น โดยเอกสารนี้จะใช้ยื่นขอลดอายัดต่อไป
กฎหมายคุ้มครองคุณแค่ไหน
เงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาท อายัดไม่ได้
ข่าวดีสำหรับคนที่มีรายได้น้อย ถ้าเงินเดือนของคุณไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน เจ้าหนี้อายัดไม่ได้เลย กฎหมายปกป้องให้คุณมีเงินใช้จ่ายขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ เป็นไปตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งฉบับที่ 30 พ.ศ. 2560
ตัวอย่าง
- ถ้าคุณได้เงินเดือน 19,500 บาท เจ้าหนี้ไม่สามารถอายัดแม้แต่บาทเดียว
- ถ้าเงินเดือนเกิน 20,000 บาท เจ้าหนี้สามารถอายัดได้แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องเหลือเงินให้คุณอย่างน้อย 20,000 บาท
วิธีคิดง่ายๆ
- เงินเดือน 35,000 บาท อายัดได้ 15,000 บาท (เหลือให้คุณ 20,000)
- เงินเดือน 30,000 บาท อายัดได้ 10,000 บาท (เหลือให้คุณ 20,000)
- เงินเดือน 25,000 บาท อายัดได้ 5,000 บาท (เหลือให้คุณ 20,000)
รายได้อื่นๆ อายัดได้เท่าไหร่
นอกจากเงินเดือนประจำ รายได้อื่นๆ ก็ถูกอายัดได้แตกต่างกันไป
1. โบนัส อายัดได้ไม่เกิน 50%
- ได้โบนัส 20,000 บาท อายัดได้สูงสุด 10,000 บาท
2. ค่าล่วงเวลา (OT), ค่าคอมมิชชั่น, เบี้ยขยัน อายัดได้ไม่เกิน 30%
- ได้ OT 6,000 บาท อายัดได้สูงสุด 1,800 บาท
3. ค่าตอบแทนเมื่อออกจากงาน (ค่าชดเชย)
อายัดได้เฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท
- ถ้าได้ 250,000 บาท อายัดไม่ได้เลย
- ถ้าได้ 500,000 บาท อายัดได้ 200,000 บาท (ส่วนที่เกิน 300,000)
4. สวัสดิการอื่นๆ (ค่าน้ำมัน, ค่าที่พัก, ค่าตำแหน่ง) อายัดได้ 100%
5. เงินในบัญชีธนาคาร, หุ้น, เงินปันผล อายัดได้ทั้งหมด
สิ่งที่อายัดไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อให้คุณมีชีวิตอยู่ได้
- เงินเดือนข้าราชการ - ถ้าคุณเป็นข้าราชการ เงินเดือนอายัดไม่ได้ (ยกเว้น กรณีค่าอุปการะเลี้ยงดู/ค่าเลี้ยงชีพตามคำพิพากษาศาลครอบครัว)
- กองทุน กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ, เบี้ยความพิการ
- เครื่องใช้ในบ้าน - เช่น เสื้อผ้า, ที่นอน, ของใช้ในครัว (รวมกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อประเภท)
- เครื่องมือประกอบอาชีพ - เช่น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงาน, เครื่องมือช่าง (รวมไม่เกิน 100,000 บาท)
วิธีขอลดเงินอายัด (ถ้า 20,000 บาทไม่พอใช้)
ถ้าคุณมีค่าใช้จ่ายจำเป็นที่ทำให้เงิน 20,000 บาทไม่พอใช้ คุณมีสิทธิยื่นคำร้องขอลดเงินอายัดได้ ขอลดได้สูงสุด 50% ของยอดที่ถูกอายัด
ตัวอย่าง
เงินเดือน 35,000 บาท ถูกอายัด 15,000 บาท ขอลดได้สูงสุด 7,500 บาท (50% ของ 15,000) ดังนั้นถ้าได้อนุมัติ จะถูกอายัดเพียง 7,500 บาท และมีเงินเหลือใช้ 27,500 บาท
ต้องมีเหตุผลอะไรถึงจะขอลดได้
คุณต้องมีภาระค่าใช้จ่ายจำเป็น และต้องมีเอกสารพิสูจน์
เช่น
- ค่าเลี้ยงดูบุตร – ใบเสร็จค่าเทอม – ใบเสร็จค่าอุปกรณ์การเรียน – ค่ารักษาพยาบาลบุตร – สำเนาสูติบัตร
- ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ - ใบรับรองแพทย์ (ถ้าป่วย) – หลักฐานการโอนเงินให้พ่อแม่ – สำเนาทะเบียนบ้าน
- ค่ารักษาพยาบาล – ใบรับรองแพทย์ – ใบเสร็จค่ายา – ใบแจ้งหนี้ค่ารักษา
- ค่าที่อยู่อาศัย - สัญญาเช่าและใบเสร็จค่าเช่า หรือ – สัญญาเงินกู้และใบเสร็จผ่อนบ้าน
- ค่าสาธารณูปโภค - ใบแจ้งหนี้ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ - ค่าเดินทางไปทำงาน (ใบเสร็จน้ำมัน หรือบันทึกรายจ่าย) - ค่าอาหาร (บันทึกรายรับ-รายจ่าย)
ขั้นตอนการยื่นคำร้องขอลดอายัด
ขั้นที่ 1 เตรียมเอกสาร
- แบบฟอร์มคำร้องขอลดเงินอายัด (ขอได้ที่กรมบังคับคดี หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์)
- สำเนาบัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือนล่าสุด หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
- เอกสารพิสูจน์ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ขั้นที่ 2 ยื่นคำร้อง
- นำเอกสารไปยื่นที่สำนักงานบังคับคดีที่ดูแลคดี
- เจ้าหน้าที่จะรับและตรวจสอบเอกสาร
ขั้นที่ 3 รอฟังคำสั่ง
- เจ้าพนักงานบังคับคดีจะพิจารณา
- จะมีคำสั่งแจ้งว่าอนุมัติหรือไม่ และลดให้เท่าไหร่
ถ้าไม่พอใจคำสั่งทำยังไง?
ถ้าคุณขอลด 50% แต่ได้อนุมัติแค่ 20%
คุณสามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลได้ แต่ต้องทำภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับคำสั่ง
วางแผนระยะยาว จะอยู่ได้ยังไงเมื่อรายได้ลดลง?
1. จัดทำงบประมาณใหม่
ยอมรับความจริงว่าเงินเดือนที่ได้รับจริงลดลง แล้วปรับการใช้จ่าย - เรียงลำดับความสำคัญ ค่าอาหาร ค่าที่อยู่ ค่าเดินทาง มาก่อน – ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด - บันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกวัน
2. หารายได้เสริม
พยายามหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม เช่น – ทำงานพิเศษ – ขายของออนไลน์ - รับงาน Freelance รายได้เสริมจะช่วยให้ชีวิตสบายขึ้น และเร่งการชำระหนี้ให้เร็วขึ้น
3. เจรจากับเจ้าหนี้
อย่าคิดว่าเจรจาไม่ได้แล้วหลังถูกอายัดเงินเดือน บางครั้งเจ้าหนี้ก็ยังยินดีเจรจา เพราะการรับเงินจากการอายัดใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้ครบ
ทางเลือกในการเจรจา
- ยืดระยะเวลาชำระ
- ลดค่างวดต่อเดือน
- ขอลดดอกเบี้ย
- ลดภาระดอกเบี้ยรวม
- พักชำระเงินต้นชั่วคราว
- จ่ายแค่ดอกเบี้ยก่อน
- ขอลดยอดหนี้
- ถ้าจ่ายเงินก้อนปิดหนี้ได้เลย
4. ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐมีหน่วยงานที่พร้อมช่วยเหลือฟรี
- คลินิกแก้หนี้ by SAM (www.debtclinicbysam.com)
- ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร 1213
- กรมบังคับคดี โทร 1111 กด 79
คำถามที่พบบ่อย
Q: เจ้าหนี้รายอื่นจะอายัดซ้ำได้ไหม?
ตอบ: ไม่ได้ หลักคือไม่อายัด “ทรัพย์เดียวกันซ้ำ” - ถ้าเจ้าหนี้รายหนึ่งอายัดเงินเดือนคุณอยู่แล้ว เจ้าหนี้รายอื่นต้องรอคิว ขอส่วนแบ่งตามลำดับ
Q: นายจ้างไม่ส่งเงินให้กรมบังคับคดีจะเป็นยังไง
ตอบ: ถ้านายจ้างไม่ปฏิบัติตามหมายอายัด นายจ้างจะต้องรับผิดชอบแทน เหมือนกับว่านายจ้างเป็นลูกหนี้เอง ดังนั้นบริษัทต่างๆ จึงต้องปฏิบัติตามหมายอายัดอย่างเคร่งครัด
Q: การอายัดจะหมดเมื่อไหร่
ตอบ: การอายัดจะสิ้นสุดเมื่อ
- ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว (เงินต้น + ดอกเบี้ย + ค่าธรรมเนียม)
- ศาลมีคำสั่งให้หยุดอายัด
- มีการตกลงประนีประนอมกับเจ้าหนี้และดำเนินการเสร็จสิ้น
การถูกอายัดเงินเดือนไม่ใช่ทางตัน
ที่สำคัญคือ อย่าเพิกเฉย - รับมือทันที ใช้สิทธิของตัวเองเข้าใจกฎหมาย
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ







