
สวัสดีครับ ผมเป็นแอดมินและนักเขียนของ Legardy แพลตฟอร์มที่รวบรวมทนายจากทั่วประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมา ผมเห็นว่ามีหลายคนเข้ามาตั้งคำถามเกี่ยวกับ "สัญญาประนีประนอม" กันเยอะมาก ทั้งคนที่กำลังมีข้อพิพาท ไม่อยากขึ้นศาล และคนที่สงสัยว่าสัญญานี้มีผลจริงไหม ผมเลยอยากจะอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจง่ายที่สุด
สัญญาประนีประนอมคืออะไร?

สัญญาประนีประนอมยอมความ เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายที่มีข้อพิพาทกันอยู่ โดยทั้งคู่ ตกลงกันเอง ว่าจะหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ แทนที่จะให้ศาลตัดสิน เช่น คนหนึ่งติดหนี้อยู่แต่ไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวนเลยตกลงจ่ายเป็นงวดๆ หรือสองบริษัทมีข้อพิพาทกันเรื่องสัญญา แล้วตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชดเชยบางส่วนแทน
สัญญานี้ใช้ได้กับทุกเรื่องหรือเปล่า?
ใช้ได้กับหลายกรณีแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าข้อพิพาทนั้นเกี่ยวข้องกับ สิทธิส่วนบุคคล เช่น หนี้ การเช่า หรือการทำสัญญาซื้อขาย สามารถทำสัญญาประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ คดีอาญา หรือสิทธิที่กฎหมายบังคับใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่น คดีฆาตกรรม คดีโกงภาษี หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐ ไม่สามารถใช้สัญญาประนีประนอมเพื่อยกเลิกความผิดได้
สัญญาประนีประนอมมีผลทางกฎหมายไหม?
แน่นอนครับ ถ้าทำถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย สัญญานี้มีผลผูกพันคู่สัญญาเหมือนสัญญาทั่วไป ซึ่งหมายความว่า ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามข้อตกลง อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องให้ปฏิบัติตามสัญญาได้
📌 อ้างอิงกฎหมาย:
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
"อันว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น คือ สัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน"
หรือพูดง่ายๆ คือ ถ้าทั้งสองฝ่าย ตกลงยอมรับข้อตกลงกันแล้ว กฎหมายจะรับรองให้สัญญานี้มีผลบังคับได้
สถานการณ์ตัวอย่าง A และ B
สถานการณ์ A:
สมมติว่า นาย ก. และ นาย ข. มีข้อพิพาทเรื่องการก่อสร้างบ้าน นาย ก. ฟ้องนาย ข. ว่าก่อสร้างผิดแบบ และต้องการเรียกค่าเสียหาย 500,000 บาท แต่ระหว่างกระบวนการไกล่เกลี่ย ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเองว่านาย ข. จะชดใช้แค่ 300,000 บาท และทำการปรับปรุงบางส่วน สัญญานี้ถือเป็น สัญญาประนีประนอมที่มีผลตามกฎหมาย
สถานการณ์ B:
นาย ค. ขับรถชนรถของนาย ง. และนาย ง. เรียกร้องค่าเสียหาย 50,000 บาท แต่แทนที่จะฟ้องร้องกัน นาย ค. และนาย ง. ทำข้อตกลงว่า นาย ค. จะจ่ายค่าเสียหาย 30,000 บาทเป็นงวดๆ โดยนาย ง. ยินยอมไม่ดำเนินคดีอีก สัญญานี้ก็ถือเป็นสัญญาประนีประนอมเช่นกัน
สรุป
- สัญญาประนีประนอม คือข้อตกลงระหว่างคู่กรณีที่ยอมถอยกันคนละก้าวเพื่อแก้ไขข้อพิพาท
- ใช้ได้กับเรื่องแพ่ง แต่บางกรณีอาญาและคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐใช้ไม่ได้
- มีผลบังคับทางกฎหมาย ถ้าทำถูกต้อง
- ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญา สามารถฟ้องร้องบังคับให้ทำตามข้อตกลงได้
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาประนีประนอม หรืออยากให้ทนายช่วยดูสัญญาของคุณ สามารถ ปรึกษาทนายผ่าน Legardy ได้เลย!
ข้อดีและข้อเสียของสัญญาประนีประนอมที่คุณควรรู้

จากที่ผมเห็นในกระทู้ของ Legardy มีหลายคนสงสัยว่าสัญญาประนีประนอมดีจริงไหม บางคนมองว่าเป็นทางออกที่ง่ายและรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา บางคนกลับกังวลว่าจะเสียเปรียบหรือไม่ได้รับความยุติธรรม ในบทความนี้ผมจะพาคุณมาวิเคราะห์แบบละเอียด ข้อดีและข้อเสียของสัญญาประนีประนอม ว่ามันมีผลอย่างไรต่อทั้งสองฝ่าย และอะไรที่คุณควรระวัง
ข้อดีของสัญญาประนีประนอม – ทำไมหลายคนเลือกใช้?
1. ลดเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินจ้างทนายแพงๆ
คดีความที่เข้าสู่ศาล ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าว่าจ้างทนาย ค่าเดินทาง ค่าธรรมเนียมศาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจบานปลายโดยที่ไม่รู้ตัว การทำสัญญาประนีประนอม เป็นทางออกที่ประหยัดกว่าและรวดเร็วกว่า เพราะทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันเองได้ทันที
หากคุณต้องฟ้องร้องทางแพ่ง เช่น กรณีถูกเบี้ยวหนี้ คดีแพ่งทั่วไปมักใช้เวลา 6 เดือนถึง 2 ปี กว่าจะได้ข้อยุติ แต่ถ้าคู่กรณีสามารถเจรจากันและทำสัญญาประนีประนอมกันเอง กระบวนการทั้งหมดอาจจบได้ภายในไม่กี่สัปดาห์
2. ได้ข้อยุติเร็ว ลดความเครียดและความขัดแย้งระหว่างคู่กรณี
ขึ้นศาลอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย เสียหายหนักกว่าเดิม บางกรณี คู่กรณีเป็นพี่น้อง ญาติ หรือเพื่อนที่เคยสนิทกัน การฟ้องร้องกันทำให้ ไม่สามารถกลับมาคุยกันได้เหมือนเดิม
สัญญาประนีประนอมเป็นการ หาทางออกที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย และช่วยลดความขัดแย้ง การที่อีกฝ่ายยอมถอยมาครึ่งทาง อาจทำให้ความสัมพันธ์ไม่พังไปเสียทีเดียว
3. ไม่ต้องเสี่ยงกับคำพิพากษาของศาลที่อาจไม่เป็นไปตามที่คาด
แม้ว่าคุณจะคิดว่าตัวเอง มีหลักฐานเพียงพอที่จะชนะคดี แต่ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่า ศาลจะตัดสินเข้าข้างคุณ คำตัดสินของศาลขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และการตีความกฎหมายของศาล บางครั้งคำพิพากษาอาจไม่เป็นไปตามที่คาด
สัญญาประนีประนอมทำให้ทั้งสองฝ่าย สามารถควบคุมข้อตกลงเองได้ แทนที่จะฝากความหวังไว้กับคำตัดสินของศาลที่คาดเดาไม่ได้
ข้อเสียของสัญญาประนีประนอม – ระวังอย่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
1. อาจทำให้เสียสิทธิทางกฎหมายโดยไม่รู้ตัว
บางคน รีบตกลงทำสัญญาประนีประนอมเพราะอยากจบปัญหาเร็วๆ แต่ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดให้ดี ผลคือทำให้ตัวเอง เสียสิทธิที่ควรได้รับ
ตัวอย่างเช่น หากคุณถูกโกงเงินและมีหลักฐานชัดเจนว่าคู่กรณีต้องคืนเงินทั้งหมด แต่คุณยอมประนีประนอมลดหนี้ให้ 50% คุณอาจเสียเงินไปโดยไม่จำเป็น
📌 อ้างอิงกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852
"อันว่าการประนีประนอมยอมความนั้น ถ้าสัญญานั้นมีข้อความที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไซร้ ท่านให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ"
หมายความว่า หากข้อสัญญาขัดต่อกฎหมาย ก็อาจเป็นโมฆะได้ ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนลงนาม
2. อาจถูกบังคับให้ยอมรับข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม
ในบางกรณี คู่กรณีที่มี อำนาจต่อรองมากกว่า อาจใช้ความกดดันหรือเทคนิคทางกฎหมาย บีบให้คุณต้องยอมรับข้อตกลงที่เสียเปรียบ
ตัวอย่างเช่น ในกรณีแรงงาน นายจ้างอาจใช้สัญญาประนีประนอม เพื่อให้ลูกจ้างสละสิทธิ์ในการฟ้องร้องเรื่องค่าชดเชย แม้ว่าลูกจ้างจะมีสิทธิ์ตามกฎหมายก็ตาม
3. ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม อาจต้องฟ้องร้องกันอีกครั้ง
แม้ว่าสัญญาประนีประนอมจะมีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกฝ่ายจะทำตาม บางคนอาจ เซ็นสัญญาไปแล้วแต่ไม่ทำตามข้อตกลง ทำให้คุณต้องไปฟ้องร้องบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งสุดท้ายอาจเสียเวลาอยู่ดี
หมายความว่า คุณสามารถนำสัญญาประนีประนอมไปใช้เป็นหลักฐานในศาล ได้ แต่ต้องเสียเวลายื่นฟ้องและดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ควรทำสัญญาประนีประนอมดีไหม? เช็กให้ดีก่อนตัดสินใจ
1. ตรวจสอบว่าข้อตกลงเป็นธรรมสำหรับคุณหรือไม่
อย่าตกลงแค่เพราะอยากจบปัญหาเร็ว ควรพิจารณาว่าข้อสัญญาที่ได้ ให้ความยุติธรรมกับคุณหรือไม่
2. อ่านรายละเอียดของสัญญาให้ครบทุกข้อ
ก่อนลงนาม ควรตรวจสอบว่าสัญญามีข้อกำหนดใดที่อาจทำให้คุณเสียเปรียบ
3. ปรึกษาทนายก่อนทำสัญญา
หากคุณไม่แน่ใจว่าสัญญาประนีประนอมยุติธรรมจริงหรือไม่ การปรึกษาทนายก่อนลงนามเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทนายสามารถช่วยตรวจสอบข้อกฎหมาย และป้องกันไม่ให้คุณเสียสิทธิที่ควรได้รับ
หากคุณต้องการให้ทนายช่วย ตรวจสอบร่างสัญญาประนีประนอม หรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อพิพาท สามารถ ปรึกษาทนายความผ่าน Legardy ได้เลย!
สัญญาประนีประนอมมีผลทางกฎหมายหรือไม่?

จากที่ผมเห็นในกระทู้ของ Legardy หลายคนกังวลว่าสัญญาประนีประนอมที่ทำไป มีผลทางกฎหมายจริงหรือไม่ บางคนเคยเจอกรณีที่อีกฝ่าย ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง แล้วสงสัยว่าแบบนี้สามารถฟ้องร้องได้หรือเปล่า
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณไปเจาะลึกถึง สถานะทางกฎหมายของสัญญาประนีประนอม ว่ามันมีผลจริงแค่ไหน ทำอย่างไรให้สัญญาแข็งแรงพอที่จะใช้บังคับได้ และ ถ้าอีกฝ่ายผิดสัญญา คุณจะต้องทำอย่างไรต่อไป
สัญญาประนีประนอมมีผลทางกฎหมายหรือไม่? คำตอบคือ "มี" ถ้าทำถูกต้อง!
สัญญาประนีประนอมเป็นเอกสารทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้จริง แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ถ้าสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย ฝ่ายที่ผิดสัญญาสามารถถูกฟ้องร้องให้ปฏิบัติตามข้อตกลงได้
📌 อ้างอิงกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
"อันว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น คือ สัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน"
แปลง่ายๆ คือ เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้น หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันเองโดยสมัครใจและทำเป็นสัญญา กฎหมายจะรับรองให้ข้อตกลงนั้นมีผลผูกพัน
สัญญาประนีประนอมต้องมีอะไรบ้างถึงจะถูกต้องตามกฎหมาย?
1. ต้องมี "ข้อพิพาท" ที่เกิดขึ้นจริง หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
ถ้าจะทำสัญญาประนีประนอม ต้องมีปัญหาข้อพิพาทกันจริง ไม่สามารถทำสัญญาแบบลอยๆ หรือไม่มีเหตุอ้างอิงได้ ตัวอย่างเช่น
- นาย ก. ขับรถชนรถของนาย ข. และตกลงกันเองว่านาย ก. จะชดใช้ค่าเสียหาย
- นาย ค. และนาย ง. เป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่มีข้อพิพาทเรื่องเงินลงทุน แล้วตกลงแบ่งเงินกันใหม่
2. ทั้งสองฝ่ายต้อง "ตกลงกันโดยสมัครใจ"
สัญญาจะไม่มีผล ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถูกบังคับ ข่มขู่ หรือไม่ได้ยินยอมโดยสมัครใจ
📌 อ้างอิงกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 853
"อันว่าสัญญาประนีประนอมยอมความที่สำเร็จขึ้นโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใช้กลฉ้อฉล อันถึงขนาดที่ฝ่ายหนึ่งมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญแห่งเรื่องที่เป็นข้อพิพาทนั้น ท่านให้เป็นโมฆียะ"
หมายความว่า หากมีฝ่ายใดใช้กลโกงหรือปกปิดข้อมูลสำคัญ สัญญานั้นสามารถถูกเพิกถอนได้
3. ข้อตกลงต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันแล้ว แต่ถ้าข้อสัญญาขัดกับกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญานั้นก็เป็นโมฆะ
📌 อ้างอิงกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852
"อันว่าการประนีประนอมยอมความนั้น ถ้าสัญญานั้นมีข้อความที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไซร้ ท่านให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ"
ตัวอย่างเช่น
- นาย ก. กับนาย ข. ตกลงกันว่า นาย ก. จะจ่ายเงินให้ 100,000 บาทเพื่อแลกกับการถอนแจ้งความในคดีอาญา สัญญานี้เป็นโมฆะ เพราะคดีอาญาไม่สามารถยอมความกันเองได้
- นาย ค. กับนาย ง. ตกลงแบ่งเงินที่ได้จากการกระทำผิดกฎหมาย สัญญานี้เป็นโมฆะ เพราะข้อตกลงมาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ถ้าอีกฝ่ายไม่ทำตามสัญญาประนีประนอม จะต้องทำอย่างไร?
1. ติดต่อให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลง
ถ้าอีกฝ่ายผิดสัญญา ควรส่งหนังสือแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการก่อน โดยระบุว่าฝ่ายที่ผิดสัญญาจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการทางกฎหมาย
2. ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา
หากแจ้งเตือนแล้วอีกฝ่ายยังไม่ปฏิบัติตาม สามารถใช้สัญญาประนีประนอมเป็นหลักฐานในการฟ้องศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้ปฏิบัติตามข้อตกลง
3. ขอให้ศาลบังคับคดี
หากศาลมีคำพิพากษาให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลง แต่ยังไม่ทำตาม สามารถยื่นขอบังคับคดีได้ เช่น หากเป็นกรณีชำระหนี้ ก็สามารถขอยึดทรัพย์หรือบังคับให้ชำระเงินตามข้อตกลงที่ระบุในสัญญา
สรุป – สัญญาประนีประนอมมีผลกฎหมายแน่นอน แต่ต้องทำให้ถูกต้อง!
- สัญญาประนีประนอมมีผลทางกฎหมาย และสามารถใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องได้
- ต้องทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีข้อพิพาทจริงและไม่มีฝ่ายใดถูกบังคับให้ยอมรับข้อตกลง
- หากอีกฝ่ายผิดสัญญา สามารถฟ้องร้องเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามข้อตกลงได้
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำสัญญาประนีประนอม หรืออยากให้ทนายช่วยตรวจสอบ สามารถปรึกษาทนายผ่าน Legardy ได้เลย!
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ








