

ปี 2568 มิจฉาชีพยิ่งมีเยอะ! แค่สำเนาบัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถทำให้คุณเป็นหนี้หลักแสน กู้เงินนอกระบบ หรือมีบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว การเซ็นสำเนาถูกต้องจึงเป็นเกราะป้องกันตัวเองที่สำคัญที่สุด วันนี้เรามีวิธีเซ็นสำเนาบัตรประชาชนแบบมืออาชีพ ที่แนะนำโดยสำนักงานกิจการยุติธรรม รับรองปลอดภัย 100%
ทำไมต้องเซ็นสำเนาถูกต้อง?
สำเนาบัตรประชาชนไม่ใช่แค่กระดาษธรรมดา แต่เป็นเอกสารที่สามารถใช้ยืนยันตัวตนได้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน การสมัครงาน การขอสินเชื่อ และอีกมากมาย หากสำเนาบัตรประชาชนของคุณตกไปอยู่ในมือคนไม่หวังดี อาจถูกนำไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร กู้เงินนอกระบบ หรือทำธุรกรรมผิดกฎหมายได้
การรับรองสำเนาถูกต้องที่ครบถ้วนจะช่วยป้องกันการนำเอกสารไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และสร้างข้อจำกัดให้มิจฉาชีพแก้ไขหรือปลอมแปลงยากขึ้น นี่คือเหตุผลที่คุณต้องเรียนรู้วิธีเซ็นสำเนาถูกต้องบัตรประชาชนให้ปลอดภัย
5 ขั้นตอนเซ็นสำเนาบัตรประชาชนอย่างมืออาชีพ
1. ถ่ายเฉพาะด้านหน้าบัตรประชาชนเท่านั้น
ห้ามถ่ายด้านหลังบัตรโดยเด็ดขาด! เพราะด้านหลังบัตรประชาชนมีรหัส Laser ID ซึ่งเป็นตัวเลข 12 หลักที่ใช้ในการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันทางการเงินทั้งหมด เช่น การเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ การสมัครสินเชื่อ หรือการทำธุรกรรมที่ต้องใช้ e-KYC
ถ้ามิจฉาชีพได้รหัส Laser ID ไป พวกเขาสามารถทำธุรกรรมทางการเงินในนามของคุณได้ทันที โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย ดังนั้นการถ่ายเฉพาะด้านหน้าบัตรจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการเซ็นเอกสาร
ข้อควรระวัง: หากหน่วยงานไหนขอให้ถ่ายด้านหลังบัตรด้วย ให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของหน่วยงานนั้นให้ดี และต้องแน่ใจว่าจำเป็นจริงๆ
2. ขีด 2 เส้นทแยงมุมบนสำเนาบัตร
ใช้ปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินหรือสีดำขีดเส้นทแยงมุม 2 เส้นบนสำเนาบัตรประชาชน โดยขีดจากมุมบนซ้ายไปมุมล่างขวา และจากมุมบนขวาไปมุมล่างซ้าย สร้างเป็นรูปตัว X บนบัตร
จุดสำคัญ: ห้ามขีดเส้นทับรูปหน้าของคุณ เพราะจะทำให้การระบุตัวตนยากขึ้น ควรขีดเส้นผ่านข้อมูลส่วนอื่นๆ เช่น เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ วันเกิด เพื่อป้องกันการตัดแปะหรือดัดแปลงข้อมูล
การขีดเส้นทแยงมุมนี้จะทำให้มิจฉาชีพแก้ไขข้อมูลหรือนำไปสแกนใช้ใหม่ได้ยากขึ้น เพราะเส้นที่ขีดจะเป็นเครื่องหมายว่าเอกสารฉบับนี้เป็นสำเนาที่มีการรับรองแล้ว ไม่ใช่เอกสารเปล่าที่สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่
3. ระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
ระหว่างเส้นทแยงมุมที่ขีดไว้ ให้เขียนวัตถุประสงค์ในการใช้สำเนาให้ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เช่น:
- "ใช้สำหรับสมัครงานที่บริษัท ABC เท่านั้น"
- "ใช้เพื่อยื่นขอสินเชื่อที่ธนาคาร XYZ เท่านั้น"
- "ใช้สำหรับการจองคอนโดเท่านั้น"
- "ใช้เพื่อยืนยันตัวตนในการสมัครบัตรเครดิตเท่านั้น"
สิ่งสำคัญที่สุด: หลังจากเขียนวัตถุประสงค์แล้ว ต้องใส่เครื่องหมาย # หรือ * ปิดท้ายประโยคทั้งหัวและท้าย เช่น
"#ใช้สำหรับสมัครงานเท่านั้น#" หรือ "ใช้เพื่อค้ำประกันเท่านั้น"
เครื่องหมายนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพเติมข้อความเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ เพราะถ้าไม่ปิดท้าย พวกเขาสามารถเขียนต่อท้ายหรือเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ใหม่ได้
4. ระบุวันที่ลงสำเนา
เขียนวันที่ที่คุณรับรองสำเนาให้ชัดเจน โดยใช้รูปแบบ วัน/เดือน/ปี เช่น "8/10/2568" หรือ "8 ตุลาคม 2568"
การระบุวันที่มีความสำคัญมากเพราะ:
- ช่วยให้หน่วยงานทราบว่าเอกสารนี้ทำขึ้นเมื่อไหร่
- ป้องกันการนำสำเนาเก่าที่เราทิ้งไปแล้วกลับมาใช้ใหม่
- สร้างข้อจำกัดระยะเวลาการใช้งาน บางหน่วยงานรับเฉพาะสำเนาที่ทำไม่เกิน 3-6 เดือน
ถ้าคุณไม่ใส่วันที่ มิจฉาชีพสามารถหยิบสำเนาที่คุณทิ้งไปเมื่อหลายปีก่อนมาใช้ได้ทันที โดยเติมวันที่ใหม่เข้าไปเอง
5. เขียน "สำเนาถูกต้อง" และเซ็นชื่อรับรอง
ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือการเขียนคำว่า "สำเนาถูกต้อง" พร้อมลงลายมือชื่อของคุณเองกำกับ
วิธีเซ็นที่ปลอดภัยที่สุด: เซ็นชื่อทับลงไปบนตัวบัตรโดยตรง ไม่ใช่เซ็นในพื้นที่ว่างข้างล่าง เพราะการเซ็นทับบัตรจะทำให้:
- ยากต่อการตัดแปะลายเซ็นไปใช้ที่อื่น
- ยืนยันว่าลายเซ็นนี้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารฉบับนี้จริงๆ
- ป้องกันการใช้ Photoshop ลบหรือแก้ไขลายเซ็น
ข้อผิดพลาดที่ต้องระวังในการเซ็นสำเนา
1. ถ่ายทั้งด้านหน้าและด้านหลังบัตร
นี่คือความผิดพลาดที่พบบ่อยและอันตรายที่สุด การถ่ายด้านหลังบัตรที่มีรหัส Laser ID เป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่สุดของคุณ
2. ไม่ระบุวัตถุประสงค์
การเซ็น "สำเนาถูกต้อง" เพียงอย่างเดียวโดยไม่ระบุวัตถุประสงค์ ทำให้สำเนานั้นสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ ซึ่งเสี่ยงมาก
3. ไม่ใส่เครื่องหมายปิดท้าย
การเขียนวัตถุประสงค์โดยไม่มี # หรือ * ปิดท้าย ทำให้มิจฉาชีพสามารถเติมข้อความเพิ่มได้
4. ไม่ใส่วันที่
สำเนาที่ไม่มีวันที่สามารถถูกนำไปใช้ได้ไม่จำกัดเวลา แม้กระทั่งหลังผ่านไปหลายปี
5. เซ็นชื่อในพื้นที่ว่าง
การเซ็นในพื้นที่ว่างทำให้ง่ายต่อการตัดแปะลายเซ็นไปใช้ที่อื่น ควรเซ็นทับลงบนตัวบัตรเสมอ
6. ใช้ปากกาสีอ่อนหรือดินสอ
ปากกาสีอ่อนหรือดินสอสามารถลบหรือแก้ไขได้ง่าย ควรใช้ปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินหรือสีดำเท่านั้น
7. ขีดเส้นทับใบหน้า
การขีดเส้นทับใบหน้าทำให้ยากต่อการระบุตัวตน อาจทำให้สำเนาไม่สามารถใช้งานได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถ้าหน่วยงานขอให้ส่งสำเนาผ่านอีเมล ต้องทำยังไง?
ตอบ: ถ่ายรูปสำเนาที่เซ็นรับรองครบถ้วนแล้ว แล้วส่งเป็นไฟล์ PDF หรือ JPG ไม่ควรส่งสำเนาที่ไม่มีการรับรอง และควรเขียนวัตถุประสงค์ชัดเจนว่า "ใช้สำหรับส่งทางอีเมลเท่านั้น"
ลายเซ็นต้องเหมือนในบัตรประชาชนเป๊ะๆ หรือไม่?
ตอบ: ควรเหมือนให้มากที่สุด เพราะบางหน่วยงานจะเปรียบเทียบลายเซ็น หากลายเซ็นแตกต่างกันมากเกินไป อาจทำให้สำเนาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ถ้าเขียนสำเนาถูกต้องผิด ต้องทำยังไง?
ตอบ: ห้ามขีดฆ่าหรือลบแก้ไข ให้ทำสำเนาใหม่ทั้งหมด เพราะการแก้ไขจะทำให้เอกสารดูไม่น่าเชื่อถือและอาจถูกปฏิเสธ
ต้องเซ็นสำเนาทุกครั้งที่ใช้หรือไม่?
ตอบ: ใช่ ต้องเซ็นรับรองทุกครั้ง และควรระบุวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันตามการใช้งานจริง ห้ามทำสำเนาที่เซ็นรับรองแล้วไว้ใช้หลายที่
กรณีเด็กเล็กที่ยังเซ็นชื่อไม่ได้ ต้องทำยังไง?
ตอบ: ให้ผู้ปกครองเป็นผู้เซ็นรับรองแทน พร้อมระบุว่า "ผู้ปกครองรับรองสำเนาถูกต้อง" และเซ็นชื่อผู้ปกครอง
หากบัตรประชาชนใกล้หมดอายุ สำเนาที่เซ็นรับรองใช้ได้หรือไม่?
ตอบ: ส่วนใหญ่หน่วยงานจะรับเฉพาะบัตรที่ยังไม่หมดอายุ ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนทำสำเนา หากใกล้หมดอายุควรไปต่ออายุก่อน
การเซ็นสำเนาถูกต้องมีผลทางกฎหมายหรือไม่?
ตอบ: มี การรับรองสำเนาถูกต้องถือเป็นการรับรองว่าเอกสารนั้นตรงกับต้นฉบับ หากรับรองเท็จอาจมีความผิดตามกฎหมาย
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ







