
เงินสมทบชราภาพประกันสังคม
เงินสมทบชราภาพนั้นคือการที่เราจ่ายประกันสังคมและเข้าสมทบเงินชราภาพเพื่อให้ได้เงินใช้ในอนาคตซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งบำเหน็จหรือบำนาญ โดยการรับเงินสมทบชราภาพนั้นก็มีเงื่อนไขที่ต้องทำตามให้ครบ ถึงจะได้เงินก้อนนี้ อีกทั้งหากกรณีส่งเงินสมทบไปแล้วเสียชีวิต บุคคลอื่นก็มีสิทธิได้รับเงินตรงนี้เช่นกัน บทความนี้ Legardy จะพาผู้อ่านทุกท่านไปรู้จักกับเงินสมทบชราภาพและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกันให้มากขึ้นครับ
เงินสมทบชราภาพ คืออะไร?
ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
เงินสมทบชราภาพ คือ เงินที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ผู้ประกันตนที่ทำงานในสถานประกอบการ) และมาตรา 39 (ผู้ประกันตนที่สมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ) ต้องจ่ายเงินสมทบให้แก่ประกันสังคมเป็นรายเดือน เพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพไว้ใช้เมื่อเกษียณ
โดยผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินสมทบชราภาพนั้นบุคคลนั้น
ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180เดือน (15ปี) ไม่จำเป็นต้องจ่ายติดต่อกันทุกเดือน แต่รวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 180เดือน
โดยเงินสมทบชราภาพสามารถเลือกได้ 2 แบบ
1.)เงินเลี้ยงชีพรายเดือน เรียกว่า “เงินบำนาญชราภาพ”
2.)เงินบำเหน็จที่จ่ายให้ครั้งเดียว เรียกว่า “เงินบำเหน็จชราภาพ”
เงินสมทบชราภาพ คิดยังไง
มักมีคำถามว่า เงินสมทบชราภาพ ได้เท่าไร Legardy จะเสนอวิธีคิดให้ดูแบบเข้าใจง่ายๆกันครับ
วิธีคำนวณเงินบำนาญชราภาพประกันสังคม
1.กรณีส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี)
ได้รับเงินบำนาญ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน
2.กรณีส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน
ได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้น 1.5% ทุกๆ 12 เดือนที่ส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน (สูงสุดไม่เกิน 35%)
ตัวอย่างวิธีการคิดเงินสมทบชราภาพ
A ส่งเงินสมทบ 18 ปี (216 เดือน) และมีค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 10,000 บาท โดยสามารถคำนวณเงินบำนาญได้ดังนี้
ส่วนที่ 1 (ส่งเงินสมทบครบ180เดือน) : 180 เดือนแรก ได้รับ 20% ของ 10,000 บาท = 2,000 บาท/เดือน
ส่วนที่ 2 (ส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน) : 36 เดือนที่เกินมา ได้รับเพิ่ม 1.5% x 3 ปี = 4.5% ของ 10,000 บาท = 450 บาท/เดือน
ดังนั้น นำแต่ละส่วนมาบวกกันเงินบำนาญรายเดือนจะเป็น = 2,000 + 450 = 2,450 บาท/เดือน ตลอดชีวิต
ฟังจากทนาย! ทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการเลิกจ้าง สิทธิและการชดเชย
หากผู้ประกันตนเงินสมทบชราภาพเสียชีวิต
ตามมาตรา 77จัตวา แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดไว้ว่า
ในกรณีที่ผู้ประกันตนซึ่งมีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตก่อนได้รับเงินบำนาญ หรือเสียชีวิตภายใน 60 เดือน (5 ปี) นับตั้งแต่เดือนที่เริ่มได้รับเงินบำนาญ ทายาทของผู้ประกันตนจะมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพแทน
ทายาทที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพในกรณีที่ผู้ประกันตนเสียชีวิต ได้แก่
- บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (ยกเว้นบุตรบุญธรรมหรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น) จะได้รับ 2 ส่วน หากมีบุตรตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะได้รับ 3 ส่วน
- สามีหรือภรรยา จะได้รับ 1 ส่วน
- บิดามารดา (ทั้งคู่ หรือบิดาหรือมารดาเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่) จะได้รับ 1 ส่วน
ยกตัวอย่างเช่น
สมมติว่าเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนมีทั้งหมด 1,000,000 บาท และมีทายาท
บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย 2 คน , ภรรยา 1 คน , มารดา 1 คน
1.ให้เริ่มจากการรวมส่วนทั้งหมดก่อนครับ
เช่น 2 ส่วน (บุตร) + 1 ส่วน (ภรรยา) + 1 ส่วน (มารดา) = 4 ส่วน
2.ให้เงินนั้นมาหารส่วนในข้อ 1
1,000,000 บาท / 4 ส่วน = 250,000 บาท/ส่วน
3.ขั้นตอนการแบ่งเงิน
บุตรแต่ละคนได้รับ 2 ส่วน x 250,000 บาท/ส่วน = 500,000 บาท
ภรรยาได้รับ 1 ส่วน x 250,000 บาท/ส่วน = 250,000 บาท
มารดาได้รับ 1 ส่วน x 250,000 บาท/ส่วน = 250,000 บาท
คลิกเพื่อดู : บทความทั้งหมดเรื่องประกันสังคม, คำปรึกษาจริงพร้อมคำตอบจากทนายความ, มาตราที่เกี่ยวข้อง
เงินสมทบชราภาพต้องจ่ายกี่บาท
1.เงินสมทบชราภาพ มาตรา 33
จะหักจากค่าจ้างในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้างรายเดือน สูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน
2.เงินสมทบชราภาพ มาตรา 39
จ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 5 ของฐานเงินสมทบที่เลือก (4,800 บาท, 7,200 บาท, 9,600 บาท, 15,000 บาท)
เงินสมทบชราภาพ เบิกก่อนได้ไหม?
ตามกฎหมาย การเบิกเงินสมทบชราภาพก่อนอายุ 55ปีบริบูรณ์ (สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39) หรือ 60 ปีบริบูรณ์ (สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40) ไม่สามารถทำได้ ถึงแม้ว่าจะส่งเงินสมทบครบ 180เดือนแล้วก็ตาม
ยกเว้นกรณีต่อไปนี้ ที่สมารถเบิกเงินสมทบชราภาพได้ก่อน
1.หากผู้ประกันตนได้รับการรับรองว่าทุพพลภาพ จะสามารถเบิกเงินสมทบชราภาพให้จ่ายเป็นเงินบำเหน็จชราภาพได้
2.กรณีผู้จ่ายเงินสมทบชราภาพเสียชีวิต ทายาทตามกฎหมายจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพแทน
เงินสมทบชราภาพ ได้ตอนไหน
ขอแบ่งเป็นประเภทของการประกันตนนะครับ
1.ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ผู้ประกันตนทำงานในสถานประกอบการ) จะได้เงินสมทบชราภาพเมื่อ
- อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ 39 แล้ว
- ส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน ได้รับเป็นเงินบำเหน็จชราภาพครั้งเดียว
- ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน ได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพรายเดือนตลอดชีวิต
2.ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ) จะได้เงินสมทบชราภาพเมื่อ
- อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ 39 แล้ว
- ส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน ได้รับเป็นเงินบำเหน็จชราภาพครั้งเดียว
- ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน ได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพรายเดือนตลอดชีวิต
3.ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (ผู้ประกันตนทำงานนอกระบบ) จะได้เงินสมทบชราภาพเมื่อ
- อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และยังคงเป็นผู้ประกันตนอยู่
- ส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน ได้รับเป็นเงินบำเหน็จชราภาพครั้งเดียว
- ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน ได้รับเป็นเงินบำนาญชราภาพรายเดือนตลอดชีวิต
สรุป
เงินสมทบชราภาพนั้นเป็นประกันสังคมที่เหมือนหลักประกันช่วยให้ผู้ประกันตนทุกคนสบายใจได้ว่าจะมีเงินรองรับเมื่อเกษียนหรือเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น การส่งเงินสมทบนั้นอาจเป็นเสมือนการทำประกัน หากใครจ่ายเงินสมทบไม่ครบ ควรอ่านเงื่อนไขให้ชัดเจนและจ่ายให้ครบครับเพื่อไม่ให้เสียสิทธิ หากมีปัญหาทางด้านกฎหมาย สามารถปรึกษาทนายออนไลน์ได้ตลอด 24ชั่วโมง ที่Legardy
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ



