
อยากยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเอง
เริ่มยังไงดี?

พอถึงช่วงที่ต้องยื่นภาษีทีไร หลายคนก็อาจจะเริ่มเครียดว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เอกสารก็เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่จริง ๆ แล้วการยื่นภาษีเองไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเองเบื้องต้น รวมถึงบอกขั้นตอนแบบง่าย ๆ ในการยื่นภาษีตั้งแต่ต้นจนจบไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วมาลองทำความเข้าใจกันเลยค่ะ
สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนทำการยื่นภาษี
เราอาจเคยได้ยินได้ฟังกันบ่อย ๆ กับคำถามที่ว่ามีรายได้เท่านี้… ต้องยื่นภาษีไหม ?
สิ่งที่อยากให้ทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนก็คือ ‘การยื่นภาษี กับ การเสียภาษี’ นั้น เป็นหน้าที่ที่แยกกันอย่างชัดเจนค่ะ และในบางกรณียื่นภาษีไปแล้วอาจไม่ต้องเสียภาษีก็ได้
1. หน้าที่ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา:
บุคคลธรรมดาไม่ว่าจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ก็ตามมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีหากมีเงินได้ถึงเกณฑ์และเงินได้นั้นไม่มีกฎหมายกำหนดยกเว้นภาษีให้ ซึ่งเกณฑ์ที่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบพิจารณาได้ตามตารางดังนี้ [1]
สถานะ | เงินได้จากเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงาน (มาตรา 40 (1)) | เงินได้อื่น ๆ นอกจากเงินเดือน |
กรณีคนโสด | เกินกว่า 120,000บาท/ปี | เกินกว่า 60,000 บาท/ปี |
กรณีมีคู่สมรส และคู่สมรสไม่มีเงินได้ | เกินกว่า 220,000บาท/ปี | เกินกว่า 120,000บาท/ปี |
2. หน้าที่เสียภาษีเงินบุคคลธรรมดา:
เมื่อมีการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้ว ก็จะมีการคำนวณภาษีเพื่อให้ได้จำนวน ‘เงินได้สุทธิ’ ที่จะนำมาเป็นตัวที่ใช้คูณกับอัตราภาษี ซึ่งการคำนวณหาเงินได้สุทธินั้นคิดได้จากการนำ
เงินทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีภาษี – ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ นั่นเอง [2]
หากคำนวณออกมาแล้วปรากฏว่าเงินได้สุทธิของเราไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีนี้ก็จะไม่มีหน้าที่เสียภาษี ก็แค่ยื่นแบบรายงานเงินได้ของเราแล้วจบ ซึ่งจำนวนเงินที่เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่ได้รับยกเว้นนี้คือ 150,000 บาท นั่นเอง[3]
กล่าวโดยสรุป คือ เมื่อมีเงินได้ต้องยื่นภาษี แต่จะเสียภาษีหรือไม่ ต้องไปคำนวณกันอีกที
กำหนดระยะเวลาในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ในส่วนนี้ต้องอธิบายก่อนว่าภาษีประเภทนี้เป็นภาษีที่คิดคำนวณกันเป็นรายปีจากเงินได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตลอดทั้งปี ดังนั้น รายได้ในปีที่แล้ว เราจึงต้องนำมายื่นภาษีในปีนี้ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 67 จะยื่นในปี 68 ซึ่งกำหนดเวลาในการยื่นจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ[4]
- กรณียื่นผ่านกระดาษด้วยตนเองที่กรมสรรพากร : โดยปกติจะสามารถยื่นได้ตั้งแต่มกราคม – มีนาคมของปีถัดไป
- กรณียื่นแบบผ่านช่องทางออนไลน์ : จะได้รับการขยายเวลาออกไปจากการยื่นผ่านกระดาษอีก 8 วัน ดังนั้นจึงจะสิ้นสุดในวันที่ 8 เมษายนของปีถัดไป
ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร โดยเข้าไปที่ www.rd.go.th และเลือกรายการเมนู Digital My Tax ได้เลยค่ะ ส่วนรายละเอียดขั้นตอนการยื่น การคำนวณต่าง ๆ จะอธิบายในหัวข้อถัดลงไปด้านล่างค่ะ
การเตรียมเอกสารก่อนยื่น
ในการยื่นแบบเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น มีเอกสารหลัก ๆ ที่ต้องเตรียม ดังนี้
- ใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ ใบ 50 ทวิ ทุกใบที่เราได้รับมาและถูกหักมาตลอดทั้งปี
- เอกสารแสดงรายได้ช่องทางอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น รายได้จากการขายของออนไลน์ รายได้จากการรับทำงานเสริมอื่น ๆ
- เอกสารที่ใช้ประกอบการลดหย่อนต่าง ๆ เช่น ใบเสร็จค่าเบี้ยประกัน ใบรับรองการบริจาค ฯ
แต่เอกสารเหล่านี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ในการยื่นภาษีเสมอไป เพราะอย่างที่บอกปัจจุบันกรมสรรพากรได้ออกระบบ Digital My Tax ที่มาช่วยให้เรายื่นภาษีออนไลน์ได้สะดวกขึ้น โดยระบบนี้จะรวบรวมข้อมูลภาษีสำคัญ ๆ ของเราไว้แทบจะครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น รายได้ รายจ่าย หรือรายการค่าลดหย่อนต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวก็มาจากการที่เราถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปตอนได้รับเงิน เนื่องจากผู้จ่ายเงินได้ได้ทำการนำส่งข้อมูลเหล่านี้ให้แก่กรมสรรพากรไว้แล้วนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามรายได้ที่ไม่มีการถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในระหว่างปีนั้น แม้ในระบบจะไม่มีข้อมูลรายได้ส่วนนี้ของเรา แต่เรามีหน้าที่จะต้องยื่นรายการรายเหล่านั้นเพิ่มเติม
เพราะระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นเป็น ระบบภาษีแบบประเมินตนเอง ดังนั้น ในการเสียภาษีข้อมูลรายได้ต่าง ๆ จะไม่ได้ยึดตามข้อมูลที่กรมสรรพากรมีในระบบเป็นหลักแล้วจบเลย แต่จะยึดตามข้อเท็จจริงของเรา
ฉะนั้นมีเงินได้อะไรยังไงเท่าไหร่แนะนำให้นำมายื่นให้ครบถ้วน เพราะการจงใจยื่นไม่ครบอาจถือเป็นเจตนาการหลีกเลี่ยงภาษีซึ่งมีโทษทางอาญาเลยนะคะ[5] ดังนั้นยื่นให้ครบ ทำให้ถูกต้องกันแต่แรกอุ่นใจกว่าเยอะเลยค่ะ
และถึงแม้เอกสารดังกล่าวอาจจะไม่ต้องใช้ ในกรณีที่ระบบของกรมสรรพากรมีข้อมูลครบถ้วน แต่เราก็ยังต้องเก็บเอกสารต้นฉบับไว้ให้ครบถ้วนเสมอ นะคะ เพราะหากยื่นภาษีไปแล้วและเจ้าหน้าที่เห็นว่ามีข้อมูลตรงส่วนไหนไม่ตรงกัน หรือมีข้อสงสัยในเรื่องใด เขามีสิทธิเรียกเราไปอธิบายเพิ่มเติม และขอตรวจสอบเอกสารประกอบได้ค่ะ[6]
ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์
การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 91 ผ่านอินเทอร์เน็ต มีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 1
เข้าไปที่ web site ของกรมสรรพากรที่ www.rd.go.th แล้วเลือกรายการเมนูที่ชื่อว่า Digital My Tax หรือ D-MyTax เสร็จแล้วจะขึ้นหน้าให้เราเข้าสู่ระบบ โดยในการเข้าสู่ระบบนั้นจะทำได้ 2 ช่องทางคือ
- เข้าผ่านทาง Digital ID ซึ่งจะทำได้ง่ายหากเรามีแอพพลิเคชั่น ThaID เป๋าตัง หรือ ndid อยู่แล้ว ก็เข้าผ่านช่องทางนั้น ๆ ได้เลย หรือ
- เข้าผ่าน RD ID ที่เราได้เคยมีการลงทะเบียนไว้
ขั้นตอนที่ 2
เมื่อเข้าสู่ระบบได้แล้ว ให้เลือกตรงช่อง ‘ตรวจสอบข้อมูลและยื่นแบบ’ จะปรากฏข้อมูลเงินได้ของเราทั้งหมดที่กรมสรรพากรมีอยู่ในระบบ ให้เราตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ว่าถูกต้องครบถ้วนตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ ดังนี้
- ข้อมูลรายได้ – ในส่วนของข้อมูลรายได้หรือเงินได้นี้ ต้องตรวจสอบดูว่ามีรายได้ของเราครบตามข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้ามีไม่ครบ เช่น ไม่มีรายได้ที่เรารับมาเป็นเงินสดจากการขายของ เช่นนี้ก็ต้องกรอกเพิ่มเติมรายการรายได้นี้เข้าไปด้วย โดย ต้องกรอกให้ถูกต้องตรงตามประเภทของรายได้ ซึ่งจะสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายที่จะนำมาหักได้นั่นเอง
- การหักรายการค่าใช้จ่าย – ในการหักค่าใช้จ่ายกรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เราจำเป็นต้องทราบและทำความเข้าใจว่ารายได้ที่เรามีตลอดทั้งปีนั้น เป็นเงินได้ประเภทใดบ้างตามมาตรา 40 (1) (8) ของประมวลรัษฎากร เพราะเงินได้แต่ละประเภทจะได้รับสิทธิในการหักค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน เงินได้ต่างประเภทกันจะได้รับการคำนวณแยกกัน ฉะนั้นหากเราไม่ทราบประเภทของเงินได้ก็จะทำให้เราคำนวณภาษีผิดพลาดนั่นเอง
การแบ่งประเภทเงินได้ในการยื่นภาษี
ในการยื่นภาษีออนไลน์ผ่านระบบ Digital My Tax นั้น ได้มีการแบ่งประเภทของเงินได้ในการคำนวณหักค่าใช้จ่ายไว้ ดังนี้
- รายได้จากเงินเดือน (มาตรา 40 (1)): เงินได้จากสัญญาจ้างแรงงาน หักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 100,000 บาท[7]
- รายได้จากฟรีแลนด์, รับจ้างทั่วไป (มาตรา 40 (2)): เงินได้จ้างการรับจ้างทั่วไปประเภทนี้ หักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- รายได้จากทรัพย์สิน, การลงทุน, การทำธุรกิจ, อาชีพอิสระ สำหรับรายได้กลุ่มนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภท ซึ่งสามารถเลือกใช้วิธีการหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี คือ
1. หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา
ซึ่งการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมานั้น จะมีการกำหนดเปอร์เซ็นต์ในการหักไว้ ซึ่งจะไม่เท่ากันในเงินได้แต่ละประเภท แต่ข้อดีของการหักแบบเหมาคือ ไม่จำเป็นต้องทำการชี้แจงข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติม เพราะเป็นการใช้สิทธิหักตามที่กฎหมายกำหนด และลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบด้วย
2. หักค่าใช้จ่ายตามจริง
คือการหักค่าใช้จ่ายตามที่ได้มีการจ่ายออกไปจริง ในการหารายได้ดังกล่าวมา เช่น การให้เช่าบ้าน อาจมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าซ่อมบ้าน ค่ารีโนเวท ค่าโฆษณาประกาศ ซึ่งอาจมีจำนวนมากกว่าเปอร์เซ็นต์ที่กฎหมายอนุญาตให้หัก กรณีนี้ก็สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงที่เราได้จ่ายออกไปได้ แต่ในการเลือกวิธีการหักเช่นนี้อาจจะต้องชี้แจ้งข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมกับกรมสรรพากรด้วย และหากชี้แจงได้ไม่ถูกต้องครบถ้วน ก็อาจมีความเสี่ยงในการถูกประเมินภาษีได้
ตัวอย่าง รายการการหักค่าใช้จ่ายในรายได้แต่ละประเภท มีดังนี้
- มาตรา 40 (3) รายได้จากค่าสิทธิต่าง ๆ สามารถเลือกหักแบบเหมาได้ 50 % แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือ หักตามความเป็นจริง [8]
- มาตรา 40 (5) รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน ต้องมีการเลือกประเภททรัพย์สินที่ให้เช่า ซึ่งจะหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้แตกต่างกัน ดังนี้ [9]
- บ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นหรือแพ = 30 %
- ที่ดินที่ใช้ในการเกษตรกรรม = 20 %
- ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ในการเกษตรกรรม = 15 %
- ยานพาหนะ = 30 %
- ทรัพย์สินอื่น ๆ = 10 %
หรือ สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงก็ได้เช่นกัน
- มาตรา 40 (6) รายได้จากวิชาชีพอิสระ : กฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ การบัญชี วิศวกรรม สถาปัตยกรรม ประณีตศิลปกรรม สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ ดังนี้ [10]
- การประกอบโรคศิลปะ = 60 %
- วิชาชีพอิสระอื่น = 30 %
หรือ สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงก็ได้เช่นเดียวกัน
- มาตรา 40 (7) รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง ที่รวมค่าแรงและค่าวัสดุ สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 60 % หรือเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง [11]
- มาตรา 40 (8) รายได้อื่น ๆ : หากเป็นรายการรายได้ที่อยู่ในรายการที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ ก็สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 60% แต่ถ้าเป็นรายได้อื่น ๆ นอกจากรายการที่กำหนด ก็จะไม่สามารถเลือกหักแบบเหมาได้ ต้องหักค่าใช้จ่ายตามจริงเท่านั้น [12]
กิจการที่อยู่ในรายการ (43 ประเภท) ตามมาตรา 40(8)
กิจการ/เงินได้ | อัตราการหักค่าใช้จ่าย |
|---|---|
1. การแสดงของนักแสดงละคร ภาพยนตร์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ นักร้อง นักดนตรี นักกีฬาอาชีพ หรือนักแสดงเพื่อความบันเทิงใด ๆ | 60% |
2. การขายที่ดินเงินผ่อนหรือการให้เช่าซื้อที่ดิน | 60% |
3. การเก็บค่าต๋งหรือค่าเกมจากการพนัน การแข่งขันหรือการเล่นต่าง ๆ | 60% |
4. การถ่าย ล้าง อัด หรือขยายรูป ภาพยนตร์ รวมทั้งการขายส่วนประกอบ | 60% |
5. การทำกิจการคานเรือ อู่เรือ หรือซ่อมเรือที่มิใช่ซ่อมเครื่องจักร เครื่องกล | 60% |
6. การทำรองเท้า และเครื่องหนังแท้หรือหนังเทียม รวมทั้งการขายส่วนประกอบ | 60% |
7. การตัด เย็บ ถัก ปักเสื้อผ้า หรือสิ่งอื่น ๆ รวมทั้งการขายส่วนประกอบ | 60% |
8. การทำ ตกแต่ง หรือซ่อมแซมเครื่องเรือน รวมทั้งการขายส่วนประกอบ | 60% |
9. การทำกิจการโรงแรมหรือภัตตาคาร หรือการปรุงอาหาร หรือเครื่องดื่มจำหน่าย | 60% |
10. การดัด ตัด แต่งผม หรือตกแต่งร่างกาย | 60% |
11. การทำสบู่ แชมพู หรือเครื่องสำอาง | 60% |
12. การทำวรรณกรรม | 60% |
13. การค้าเครื่องเงิน ทอง นาก เพชร พลอย หรืออัญมณีอื่น ๆ รวมทั้งการขายส่วนประกอบ | 60% |
14. การทำกิจการสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเฉพาะที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน รวมทั้งการรักษาพยาบาลและการจำหน่ายยา | 60% |
15. การโม่หรือย่อยหิน | 60% |
16. การทำป่าไม้ สวนยาง หรือไม้ยืนต้น | 60% |
17. การขนส่งหรือรับจ้างด้วยยานพาหนะ | 60% |
18. การทำบล็อก และตรา การรับพิมพ์หรือเย็บสมุด เอกสาร รวมทั้งการขายส่วนประกอบ | 60% |
19. การทำเหมืองแร่ | 60% |
20. การทำเครื่องดื่มตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต | 60% |
21. การทำเครื่องกระเบื้อง เครื่องเคลือบ เครื่องซีเมนต์ หรือดินเผา | 60% |
22. การทำหรือจำหน่ายกระแสไฟฟ้า | 60% |
23. การทำน้ำแข็ง | 60% |
24. การทำกาว แป้งเปียก หรือสิ่งที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน และการทำแป้งชนิดต่าง ๆ ที่มิใช่เครื่องสำอาง | 60% |
25. การทำลูกโป่ง เครื่องแก้ว เครื่องพลาสติก หรือเครื่องยางสำเร็จรูป | 60% |
26. การซักรีด หรือย้อมสี | 60% |
27. การขายของนอกจากที่ระบุไว้ในข้ออื่น ซึ่งผู้ขายมิได้เป็นผู้ผลิต | 60% |
28. รางวัลที่เจ้าของม้าได้จากการส่งม้าเข้าแข่ง | 60% |
29. การรับสินไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากหรือการได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโดยเด็ดขาดจากการขายฝาก | 60% |
30. การรมยาง การทำยางแผ่นหรือยางอย่างอื่นที่มิใช่ยางสำเร็จรูป | 60% |
31. การฟอกหนัง | 60% |
32. การทำน้ำตาลหรือน้ำเหลืองของน้ำตาล | 60% |
33. การจับสัตว์น้ำ | 60% |
34. การทำกิจการโรงเลื่อย | 60% |
35. การกลั่นหรือหีบน้ำมัน | 60% |
36. การให้เช่าซื้อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 40 (5) แห่งประมวลรัษฎากร | 60% |
37. การทำกิจการโรงสีข้าว | 60% |
38. การทำเกษตรกรรมประเภทไม้ล้มลุกและธัญชาติ | 60% |
39. การอบหรือบ่มใบยาสูบ | 60% |
40. การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งการขายวัตถุพลอยได้ | 60% |
41. การฆ่าสัตว์จำหน่าย รวมทั้งการขายวัตถุพลอยได้ | 60% |
42. การทำนาเกลือ | 60% |
43. การขายเรือกัปปั่นหรือเรือมีระวางตั้งแต่ 6 ตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือยนต์มีระวางตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไป หรือแพ | 60% |
- มาตรา 40 (4) รายได้จากการลงทุน เช่น กำไรจากการขายหุ้น กำไรจากโทนดิจิทัล กำไรจาก คริปโทเคอร์เรนซี หรือ ดอกเบี้ย เงินปันผล หากเลือกนำมารวมคำนวณไม่จบเป็น Final Tax ก็ต้องนำมากรอกในรายการรายได้นี้ ซึ่งรายได้ประเภทนี้กฎหมายไม่อนุญาตให้มีการหักค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด[13]
3. การหักรายการค่าลดหย่อน
ในรายการหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ ส่วนใหญ่ระบบ Digital My Tax มักมีข้อมูลของเราในระบบอยู่แล้ว ให้การตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ อาทิเช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว เช่น ค่าลดหย่อนบุตร สำหรับผู้มีบุตร ค่าลดหย่อนพ่อแม่ สำหรับผี่มีการอุปการะเลี้ยงดูพ่อแม่ หรือกรณีอื่น ๆ ที่เรามีเป็นการเฉพาะตัว หรือ ค่าลดหย่อนอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐ เช่น ในปีภาษี 2567 มีการออกนโยบายลดหย่อนสำหรับการท่องเที่ยงเมืองรองภายในประเทศ หรือการลดหย่อน Easy E-Receipt เป็นต้น
ซึ่งรายการลดหย่อนเหล่านี้จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามนโยบายภาครัฐ และอาจไม่เหมือนกันในแต่ละปีภาษี ขอให้ทำการติดตามผ่านข่าวสารของกรมสรรพากรนะคะ
ขั้นตอนที่ 3
เมื่อมีการกรอกข้อมูลการคำนวณจนครบถ้วน ระบบจะทำการคำนวณภาษีให้เรา ให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งก่อนทำการกดยื่นยันการใช้ข้อมูลดังกล่าว
ข้อควรรู้
1. ถ้าหากมีการกรอกข้อมูลผิด แต่เผลอกดยืนยันหรือยื่นแบบไปแล้ว
ไม่ต้องตกใจนะคะ ตรงนี้สามารถแก้ไขได้ง่ายมาก ๆ โดยการยื่นแบบใหม่อีกครั้งให้ถูกต้องค่ะ ทำแบบเดิมเลย ไม่มีปัญหา เพราะกรมสรรพากรจะใช้ ‘ข้อมูลล่าสุด’ ที่เราทำการยื่นเข้ามานั่นเองค่ะ
2. เอกสารประกอบข้อมูลการยื่นแบบต่าง ๆ ต้องทำการเก็บรักษาไว้
โดยเรามีหน้าที่ตามกฎหมายต้องเก็บไว้เป็นเวลา 5 ปี นับจากวันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีดังกล่าว เมื่อพ้นกำหนดเวลาก็สามารถทำลายหรือทิ้งไปได้ค่ะ (มาตรา 19 ประมวลรัษฎากร)
เห็นไหมคะว่าการยื่นภาษีด้วยตัวเองไม่ได้น่ากลัวเลย อาจดูยุ่งยากในตอนแรก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าพอเราลองทำจริง ๆ จะเข้าใจระบบภาษีของตัวเองได้ดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นรายได้ ค่าลดหย่อน หรือสิทธิต่าง ๆ ที่เราควรได้รับ
ยิ่งตอนนี้มีระบบ Digital My Tax ช่วยอำนวยความสะดวกให้ครบทุกขั้นตอน บอกเลยว่ายื่นเองได้แน่นอน ปีนี้ลองเริ่มดูสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าการ “ยื่นภาษีเอง” ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่กลับทำให้เราเข้าใจเรื่องเงินของตัวเองมากขึ้นด้วยนะคะ
[1] ประมวลรัษฎากร, มาตรา 56
[2] ประมวลรัษฎากร, มาตรา 48 (1) การคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
[3] กรมสรรพากร, บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กำหนดว่าเงินได้สุทธิจำนวน 1-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี
[4] กรมสรรพากร, ‘กำหนดเวลาการยื่นแบบ : ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างไร และเมื่อใด ?’ < https://www.rd.go.th/558.html >
[5] ประมวลรัษฎากร, มาตรา 37 ทวิ ความผิดฐานเจตนาไม่ยื่นรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
[6] ประมวลรัษฎากร, มาตรา 19 กำหนดว่า ‘หากเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์ ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวน และออกหมายเรียกพยานกับสั่งให้ผู้ยื่นรายการหรือพยานนั้นนำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานอื่นอันควรแก่เรื่องมาแสดง..’
[7] ประมวลรัษฎากร, มาตรา 42 ทวิ กำหนดว่า ‘เงินได้ตามมาตรา 40 (1) และ (2) หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 50 % รวมกันได้ไม่เกิน 100,000 บาท’
[8] กรมสรรพากร , ‘การหักค่าใช้จ่าย’ < https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_4.pdf>
[9] กรมสรรพากร , id.
[10] กรมสรรพากร , id.
[11] กรมสรรพากร , id.
[12] กรมสรรพากร , id.
[13] กรมสรรพากร , id.
ปรึกษาทนายตัวจริง
สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว
สมัครเป็นทนายออนไลน์
แพล็ทฟอร์มรวบรวม
งานกฎหมายจากทั่วประเทศ







