ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีบุตรแฝดด้วยกัน 2 คน คือเด็กชายต่อเผ่า แก้วพนม และเด็กชายตามพันธุ์แก้วพนม บุตรทั้งคู่อายุ 3 ปี 8 เดือน ต่อมาโจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน โดยมีข้อตกลงให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว ประมาณปี 2541 จำเลยไปรับบุตรผู้เยาว์ทั้งสองมาอยู่กับจำเลยจนถึงปัจจุบัน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยมอบบุตรผู้เยาว์ทั้งสองคืน แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแก่โจทก์ และมีคำสั่งให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว

จำเลยให้การว่า จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากโจทก์โดยมีข้อตกลงให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองจริง เหตุที่จำเลยไปรับบุตรผู้เยาว์ทั้งสองมาอุปการะเลี้ยงดูเองเพราะโจทก์นำบุตรผู้เยาว์ทั้งสองไปให้มารดาโจทก์เลี้ยงดูที่จังหวัดนครสวรรค์ มิได้เลี้ยงดูด้วยตนเองที่บ้านโจทก์ที่จังหวัดสมุทรปราการตามที่ตกลงกันอันเป็นการประพฤติผิดข้อตกลงและจำเลยได้ฟ้องขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองของโจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยมอบเด็กชายต่อเผ่า แก้วพนม และเด็กชายตามพันธ์ แก้วพนม บุตรผู้เยาว์ทั้งสองแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ให้งดสืบพยานและอุทธรณ์คำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องซึ่งจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากกันเมื่อปี 2539 โดยทำบันทึกข้อตกลงเป็นหนังสือท้ายทะเบียนหย่าให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว ในปี 2541จำเลยไปรับบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแล้วไม่ยอมคืนให้แก่โจทก์ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 งดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยคืนบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแก่โจทก์นั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน โดยมีบันทึกข้อตกลงเป็นหนังสือท้ายทะเบียนหย่าให้โจทก์ซึ่งเป็นบิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเพียงผู้เดียว กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลยังไม่ได้สั่งเพิกถอนอำนาจปกครองของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง แล้วโจทก์จึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566(6) ทั้งตามข้อตกลงตามสัญญาหย่าระหว่างโจทก์จำเลยตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ก็ระบุเพียงให้จำเลยไปมาหาสู่บุตรผู้เยาว์ทั้งสองได้ตลอดเวลา หามีข้อตกลงให้จำเลยรับบุตรผู้เยาว์ทั้งสองไปอุปการะเลี้ยงดูไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะนำบุตรผู้เยาว์ทั้งสองไปอยู่ด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยมอบบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแก่โจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th