คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2522
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 2 (4), 2 (7), 15, 87, 219 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 127
จำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ ขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ห้างหุ้นส่วนจำกัดส. เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบอยู่ จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายแล้ว
คำร้องขอฝากขังหาใช่เอกสารมหาชนซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องไม่
ฎีกาของจำเลยว่า พยานหลักฐานของจำเลยรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ว่า ส.เป็นผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อไม้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงวิวัฒน์ค้าไม้ ถึงวันสั่งจ่าย นายทวีชัยหุ้นส่วนผู้จัดการนำเช็คเข้าบัญชีของห้างเพื่อให้เรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่ายังไม่มีการตกลงกับธนาคาร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 7 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาจำเลยว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงวิวัฒน์ค้าไม้เป็นผู้เสียหายคดีนี้หรือไม่ ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องจ่ายเงิน 60,000บาท เป็นเช็คผู้ถือ ชำระหนี้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงวิวัฒน์ค้าไม้ ต่อมานายทวีชัยหุ้นส่วนผู้จัดการนำเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินโดยฝากเข้าบัญชีของห้าง ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์เห็นว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงวิวัฒน์ค้าไม้เป็นผู้เสียหายไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบอยู่ จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายแล้ว และที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่รับฟังเป็นความจริงตามเอกสารมหาชนคือ คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาในคดีนี้ครั้งที่ 1 ที่ระบุว่า นายสมเดชเป็นผู้เสียหาย ไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า คำร้องขอฝากขัง หาใช่เอกสารมหาชนซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานเชื่อว่า ในคำร้องดังกล่าวระบุว่า นายสมเดชเป็นผู้เสียหาย เป็นความพลั้งเผลอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้วฎีกาของจำเลยนอกจากนี้เป็นฎีกาโต้เถียงว่า พยานหลักฐานของจำเลยรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่านายสมเดชเป็นผู้เสียหายเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการกรมอัยการ จำเลย - นายเฉลิมศักดิ์ เกษดำริห์
ชื่อองค์คณะ อำนัคฆ์ คล้ายสังข์ วิถี ปานะบุตร ไพบูลย์ เพียรรู้จบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan