ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีดำที่ 165/2507 แดงที่187/2507 ของศาลชั้นต้น ในข้อหาว่าจำเลยบุกรุกทำให้เสียทรัพย์คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าศาลชั้นต้นพิพากษานอกฟ้องแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์มาฟ้องใหม่ โจทก์จึงฟ้องใหม่ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์ ทำลายคันนา ฯลฯ ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทที่จำเลยบุกรุกเป็นที่โจทก์ ให้ใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นสิทธิของโจทก์ ฯลฯ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ถึงแม้ว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่187/2507 ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่พิพาท และได้พิพากษาในคดีก่อนให้ยกคำฟ้องเสียโดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148)ประเด็นแห่งคดีนี้เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองในคดีแรกยังอยู่ภายในระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 และมาฟ้องคดีหลังก็เนื่องจากศาลอนุญาตให้มาฟ้องใหม่ก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องโดยถูกต้องมาแล้ว มาฟ้องคดีนี้ก็เป็นการต่อเนื่องกัน หลักเกณฑ์ตามมาตรา 174 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เอามาใช้ไม่ได้เพราะไม่ใช่อายุความ โจทก์ถูกแย่งการครอบครองตั้งแต่พฤษภาคม 2507 และโจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อนเมื่อ 7 สิงหาคม 2507 คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเรื่องก่อนเมื่อ 5 ตุลาคม 2508 ให้ยกฟ้องโจทก์ โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ1 พฤศจิกายน 2508 ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องได้ พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









