ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง จำเลยเช่าที่ดินแปลงนี้จากโจทก์ 1 ปี ปรากฏตามสัญญาเช่าท้ายฟ้อง เมื่อครบอายุการเช่าแล้ว จำเลยบอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออกไปจากที่ดิน ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินและใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นของจำเลย ได้ครอบครองมา 20 ปีเศษแล้ว ไม่เคยเช่าจากโจทก์ สัญญาเช่าท้ายฟ้องเป็นสัญญาเช่านาแปลงอื่น จำเลยลงลายมือชื่อผู้เช่าในแบบสัญญา ยังไม่ได้กรอกข้อความอื่น จำเลยไว้ใจโจทก์ว่าคงกรอกข้อความตามที่ตกลงกันไว้ แต่กลับปรากฏว่าจำเลยเช่าที่ดินโจทก์แปลงที่ฟ้อง ซึ่งผิดจากที่ตกลงกัน สัญญาเช่าจึงมิชอบและไม่สมบูรณ์

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินตัวโจทก์เบิกความว่า ได้ไปทวงค่าเช่าจากจำเลยเมื่อเดือนมกราคม 2508 แต่จำเลยโต้เถียงว่าเป็นที่นาของจำเลย จึงฟังได้ว่าจำเลยได้แสดงกิริยาโต้แย้งแย่งการครอบครองของโจทก์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2508 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2509 เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว แม้ที่พิพาทจะเป็นของโจทก์ โจทก์ก็เสียงสิทธิที่จะฟ้องเรียกที่พิพาทคืนได้ เพราะมิได้ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นต่อไป พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงเสียก่อน โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย และฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทนี้เป็นที่ที่นายท่วมบิดาจำเลยขายฝากไว้แก่นายปุ๋ยบิดาโจทก์ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์จริง เมื่อฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยเช่า การที่จำเลยครอบครองที่พิพาท จึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ แม้จะครอบครองอยู่สักกี่ปี จำเลยก็ไม่อาจจะยกเอามาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นอ้างได้ นอกจากจะได้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา 1381 เสียก่อน จึงจะอ้างสิทธิครอบครองตามมาตรา 1375 ได้ แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือแต่อย่างใดเลย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือ จึงไม่มีทางจะอ้างสิทธิตามมาตรา 1375 ได้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยได้แสดงกิริยาโต้แย้งแย่งการครอบครองของโจทก์นั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การ และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th