สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10327/2556

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10327/2556

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 57 (2)

โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างฟ้องเพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสิบเอ็ด (คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์) ที่สั่งให้โจทก์รับผู้ร้องซึ่งเป็นลูกจ้างที่โจทก์เลิกจ้างกลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลแรงงานกลางยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา

ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางพิจารณาคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสิบเอ็ดต่อไปโดยไม่รอว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาเกี่ยวกับคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้ร้องก่อน แล้วมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา หากศาลฎีกาจะมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นจำเลยร่วมก็ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ทั้งหมดซึ่งจะทำให้คดีต้องล่าช้าออกไป ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องต่อไป จึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่านายสมทัต ลูกจ้างโจทก์ตำแหน่ง ผู้จัดการห้องอาหาร กระทำการฝ่าฝืนคำสั่งและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ก่อความเสียหายหลายครั้งอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 โจทก์จึงมีหนังสือแจ้งเตือนเพื่อลงโทษทางวินัย แต่นายสมทัตยังคงกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและก่อความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงมีหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2552 เลิกจ้างนายสมทัต ต่อมาวันที่ 27 มกราคม 2552 นายสมทัตยื่นคำร้องกล่าวหาโจทก์ต่อจำเลยทั้งสิบเอ็ดว่า การที่โจทก์เลิกจ้างนายสมทัตเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม จำเลยทั้งสิบเอ็ดพิจารณาแล้วมีคำสั่งที่ 87/2552 ลงวันที่ 23 เมษายน 2552 ให้โจทก์รับนายสมทัตกลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงานอันเป็นคำสั่งไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสิบเอ็ด จำเลยทั้งสิบเอ็ดให้การว่าคำสั่งที่ 87/2552 ลงวันที่ 23 เมษายน 2552 เป็นคำสั่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา นายสมทัต ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม

ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า หลังจากศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นจำเลยร่วม ยกคำร้องแล้ว และผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาเป็นคดีนี้ ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสิบเอ็ดต่อไปโดยไม่ได้รอว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาเกี่ยวกับคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอย่างไรก่อน จนศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ดังนั้นหากศาลฎีกาจะมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นจำเลยร่วมก็ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้คดีดังกล่าวต้องล่าช้าไป เช่นนี้ จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องต่อไป

จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ร.14/2553

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัทบุญสมก่อสร้าง จำกัด ผู้ร้อง - นายสมทัต บุญมี จำเลย - นายจิรธร ปุญญฤทธิ์ กับพวก

ชื่อองค์คณะ ธีระยุทธ ทรัพย์นภาพร ชัยวัฒน์ เวียงธีรวัฒน์ วิรุฬห์ แสงเทียน

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแรงงานกลาง - นายวิทยา ทาระ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th