ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 76,574.43 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี จากต้นเงิน 27,604.05 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เอกสารเกี่ยวกับหนี้ทั้งหมดโจทก์ทำปลอมขึ้น โดยจำเลยไม่รู้เห็น โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกำหนด 10 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นรับมาแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ซึ่งในการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 จากข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่าสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยมีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอน คือต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2528 เมื่อปรากฏว่าในวันดังกล่าวจำเลยไม่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ อายุความคดีนี้จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2528 อันเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นต้นไป ส่วนที่จำเลยนำเงินฝากประจำบัญชีเงินฝากเลขที่ 3722 เป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญาและยินยอมให้นำจำนวนเงินดังกล่าวไปหักทอนหนี้หรือชำระหนี้ได้ทันทีนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยยินยอมให้นำเงินดังกล่าวมาชำระหนี้ให้โจทก์ ซึ่งโจทก์สามารถนำมาชำระหนี้ได้ทันที เมื่อครบกำหนดชำระเงินตามสัญญาแล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ การที่โจทก์ไม่นำเงินฝากประจำของจำเลยมาชำระหนี้ในทันทีที่ครบกำหนดชำระเงินตามสัญญา กลับปล่อยให้ล่วงเลยไปถึง 6 เดือน แล้วจึงนำเงินฝากดังกล่าวมาหักชำระหนี้นั้นก็เป็นเรื่องการปฏิบัติงานของพนักงานโจทก์ไม่มีผลทำให้วันเริ่มนับอายุความคดีนี้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องเริ่มนับแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2528 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2539 จึงเกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








