ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันได้ซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 ซึ่งรวมถึงสิ่งปลูกสร้างคือบ้านบนที่ดินด้วยแต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดิน ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของบ้าน โจทก์ทั้งสองจึงซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 และซื้อบ้านจากจำเลยที่ 2 แต่เพื่อความสะดวกจำเลยที่ 1 บอกโจทก์ทั้งสองว่าให้ทำสัญญาซื้อขายเฉพาะที่ดินโดยไม่มีบ้าน บ้านไม่ต้องทำสัญญาซื้อขายแล้วจำเลยที่ 1 จะนำราคาค่าบ้านไปชำระแก่จำเลยที่ 2 เองซึ่งในทางการค้าจำเลยทั้งสองปฏิบัติต่อกันเช่นนี้ตลอดมา โจทก์ทั้งสองได้เข้าครอบครองบ้านดังกล่าวโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2520 ตลอดมาถึงวันฟ้องเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้ว โจทก์ทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในบ้านดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ต่อมาโจทก์ทั้งสองได้นำที่ดินและบ้านดังกล่าวไปจำนองธนาคารเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้แต่ธนาคารรับจำนองเฉพาะที่ดินโดยอ้างว่าโจทก์ทั้งสองไม่มีหลักฐานอะไรแสดงว่ามีกรรมสิทธิ์ในบ้านดังกล่าว โจทก์ได้พยายามติดต่อกับจำเลยทั้งสองเพื่อให้นำหลักฐานไปยืนยันต่อทางธนาคารว่าโจทก์ทั้งสองได้ซื้อและเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ แต่ติดต่อไม่ได้ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า แม้โจทก์จะซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 ซื้อบ้านจากจำเลยที่ 2 แต่บ้านปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านที่ปลูกในที่ดินของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 ไม่รับคำฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้จากคำฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างคือบ้านเลขที่ 33/1178หมู่ 10 แขวงลาดพร้าว เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จากจำเลยทั้งสองแต่ในหนังสือสัญญาขายที่ดินระบุว่าไม่มีสิ่งปลูกสร้าง เห็นว่าตามธรรมดาโรงเรือนซึ่งปลูกสร้างลงในที่ดินเป็นส่วนควบของที่ดินผู้ใดเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์ในโรงเรือนนั้น เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 หรือ 1312ดังนี้ บ้านพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 วรรคสองโดยไม่จำต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้โจทก์ทั้งสองอีก เมื่อโจทก์ทั้งสองครอบครองบ้านพิพาทซึ่งเป็นของตนเอง เช่นนี้ จึงไม่เป็นการครอบครองปรปักษ์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิในบ้านพิพาทของโจทก์ทั้งสองแต่อย่างใดโจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับคำฟ้องนั้น ชอบแล้วฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th