ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำการชิงทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนและเหล็กขูดชาฟท์เป็นอาวุธ โดยจำเลยกระชากลักเอาสร้อยคอทองคำราคา 230 บาทของนางสาวสมศรีที่สวมใส่อยู่ที่คอขาดออกแล้วพาหนีไปและจำเลยคนหนึ่งได้ใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงทำร้ายสิบเอกจรัญพวกเจ้าทรัพย์ที่ได้เข้าขัดขวางบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 339, 297 และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 กับนับโทษจำเลยทั้งสองต่อกับโทษอีกคดีหนึ่งด้วย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธจำเลยที่ 2 รับข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 จำคุกจำเลยคนละ 6 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92อีก 1 ใน 3 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 แปดปี นับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากคดีอาญาแดงที่ 664/2510 ของศาลอาญา

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสองกระทำการชิงทรัพย์ปรากฏว่าจำเลยเอาสร้อยของผู้เสียหายไปไม่ได้ เนื่องจากสร้อยขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหาย จึงเป็นเพียงพยายามพิพากษาแก้ ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 80 จำคุกคนละ 4 ปีเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 อีก 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 ห้าปีสี่เดือน

โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันใช้ปืนและเหล็กขูดชาฟท์เป็นอาวุธทำการจี้และขู่แล้วลักเอาสร้อยคอทองคำราคา 230 บาทของผู้เสียหายไป โดยจำเลยคนหนึ่งเป็นคนกระชากสร้อยจากคอผู้เสียหาย และทันใดนั้นจำเลยอีกคนหนึ่งใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงทำร้ายสิบเอกจรัญพวกของผู้เสียหายซึ่งเข้าทำการขัดขวางการกระทำของจำเลยทั้งสองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และจำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปไม่ได้เนื่องจากสร้อยที่จำเลยกระชากได้ขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหาย วินิจฉัยว่า การที่จำเลยเอาสร้อยของผู้เสียหายไปไม่ได้เนื่องจากสร้อยที่จำเลยทำการลักได้ขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหายนั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่ยังไม่อาจยึดถือเอาทรัพย์นั้นไปได้สำเร็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดเพียงพยายามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80

ส่วนฎีกาในข้อที่ว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองทำการชิงทรัพย์ศาลอุทธรณ์มาวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำเพียงฐานพยายามชิงทรัพย์เป็นการวินิจฉัยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานความผิดสำเร็จ ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำการอันเป็นเพียงพยายามกระทำผิด ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ จะว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับฟ้องหาได้ไม่ ทั้งไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ หรือที่มิได้กล่าวมาในฟ้องแต่อย่างใด การนำมาตรา 80อันว่าด้วยพยายามกระทำความผิดมาประกอบการลงโทษจำเลย ก็เป็นเพียงวิธีการแบ่งส่วนลงโทษตามความผิดของจำเลยเท่านั้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th