คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2541
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 142, 290
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองโดยขอให้ขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองโดยปลอดจำนองแล้วนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องแต่ผู้ร้องคิดคำนวณหนี้เพียงวันที่ 30 มกราคม 2524โดยไม่ได้คิดคำนวณหนี้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2524 อันเป็นวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง เห็นเจตนาได้ว่าผู้ร้องประสงค์จะให้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องตามจำนวนเงินที่ผู้ร้องคำนวณมาในคำร้องเท่านั้นเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยก็ได้วางเงินจำนวนดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว เมื่อผู้ร้องมิได้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันที่ 8 เมษายน 2524 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้อง และไม่ได้เรียกดอกเบี้ยนับแต่วันยื่นคำร้องจนถึงวันขายทอดตลาดมาในคำร้องกรณีเช่นนี้ ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้ เพราะเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำร้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามเช็คศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 60,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 43384 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 8 เมษายน 2524 ว่า ที่ดินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้น จำเลยได้จดทะเบียนจำนองและขึ้นเงินจากจำนองเป็นประกันเพื่อประกันหนี้ตามสัญญากู้เงินหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค และหนี้เบิกเงินเกินบัญชี เพียงวันที่ 30มกราคม 2524 จำเลยเป็นหนี้ตามสัญญากู้เงิน 2,794,191.73 บาทหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค 1,094,500 บาท และหนี้เบิกเงินเกินบัญชี693,373.93 บาท ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวโดยปลอดจำนอง แล้วนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้ให้ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองครบถ้วนก่อน ถ้าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป ผู้ร้องขอเข้าสวมสิทธิดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป
โจทก์ไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ในฐานะผู้รับจำนองจนครบถ้วนก่อน และจำเลยได้วางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเงิน 7,543,233.59 บาท โดยจำเลยได้วางหลักประกันสำหรับยอดหนี้ที่คำนวณแตกต่างกันจำนวน 3,330,655 บาท ไว้ต่อศาล
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 22 มิถุนายน 2538 ว่า ตามที่จำเลยได้วางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไว้เป็นเงิน 7,543,233.59บาท เพื่อให้ผู้ร้องดำเนินการปลดภาระจำนองและแจ้งเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้นั้น ยอดเงินที่จำเลยวางไว้ดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะคำนวณดอกเบี้ยเพียงถึงวันที่ 30 มกราคม2524 เท่านั้น ยังไม่ได้คำนวณดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30 มกราคม 2524ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระเงินตามที่จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้อง
จำเลยยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองโดยมิได้ขอรับชำระหนี้ดอกเบี้ยต่อจากวันที่ 30 มกราคม 2524 ขอให้ยกคำร้องและคืนเงินหลักประกันจำนวน 3,330,655 บาท แก่จำเลย
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 27 กันยายน 2538 ว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยในมูลหนี้ตามสัญญากู้เงิน และศาลชั้นต้นได้พิพากษาเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 10079/2535 ให้จำเลยชำระเงินกู้แก่ผู้ร้องเมื่อคิดคำนวณยอดหนี้ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2538 เป็นเงินจำนวน5,739,218.36 บาท ส่วนหนี้ขายลดเช็คและหนี้เบิกเงินเกินบัญชีจำเลยวางเงินโดยมิได้คิดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงคิดดอกเบี้ยจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2538 อันเป็นวันที่จำเลยวางเงินไว้ต่อกรมบังคับคดี ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เต็มตามที่ได้ยื่นคำร้อง
จำเลยแถลงคัดค้านเฉพาะมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คและหนี้เบิกเงินเกินบัญชี ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้ดอกเบี้ยจนถึงวันที่ 30 มกราคม 2524 ตามคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 8 เมษายน2524 เท่านั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องของผู้ร้องลงวันที่ 8 เมษายน2524 ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองโดยคำนวณยอดหนี้ถึงวันที่ 30มกราคม 2524 และมิได้ขอคิดดอกเบี้ยต่อจากวันดังกล่าว ศาลไม่อาจมีคำสั่งให้เกินกว่าคำขอได้หนี้ตามสัญญากู้เงินผู้ร้องและจำเลยไม่โต้แย้งกัน การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคำนวณยอดหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คเป็นเงิน 1,094,500 บาท และหนี้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นเงิน693,373.93 บาท ให้จำเลยวางเงินชำระแก่ผู้ร้องตามบัญชีแสดงรายการรับจ่ายเงินชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามที่ผู้ร้องฎีกาข้อเดียวว่า ผู้ร้องได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งในข้อ 5 ของคำร้องลงวันที่ 8 เมษายน 2524 แล้วว่าขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จนครบถ้วน ดังนั้น เมื่อจำเลยประสงค์จะวางเงินก็ต้องวางเงินต้นและดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2538 นั้น เห็นว่าการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องในวันที่ 8 เมษายน 2524 แต่ผู้ร้องคิดคำนวณหนี้เพียงวันที่ 30 มกราคม 2524 โดยไม่ได้คิดคำนวณหนี้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2524 อันเป็นวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง เห็นเจตนาได้ว่าผู้ร้องประสงค์จะให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องตามจำนวนเงินที่ผู้ร้องคำนวณมาในคำร้องเท่านั้น ซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วจำเลยก็ได้วางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว การที่ผู้ร้องมิได้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันที่ 8 เมษายน 2524 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้อง และไม่ได้เรียกดอกเบี้ยนับแต่วันยื่นคำร้องจนถึงวันขายทอดตลาดมาในคำร้อง ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ได้เพราะเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำร้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาย ทรง สิทธิ์ แซ่โล้ ผู้ร้อง - ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด จำเลย - นาย ชัยวัฒน์ วงศ์วิบูลย์กุล
ชื่อองค์คณะ สถิตย์ ไพเราะ บุญธรรม อยู่พุก วุฒิ คราวุฒิ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan