โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุกคนละ11 ปี 3 เดือน

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นส่งประเด็นไปสืบผู้เสียหายที่ศาลจังหวัดอุทัยธานีแต่ได้มีการเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไป โดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยหรือทนายจำเลยทราบ การพิจารณาของศาลจังหวัดอุทัยธานีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าศาลจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีนี้ นัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในวันที่8 ตุลาคม 2524 ครั้นถึงวันนัด ศาลจังหวัดนครสวรรค์สั่งให้ส่งประเด็นไปสืบผู้เสียหายและนางแป้งหอมพยานโจทก์ที่ศาลจังหวัดอุทัยธานี โดยคู่ความขอให้ศาลจังหวัดอุทัยธานีนัดสืบพยานดังกล่าวในวันที่ 30 ตุลาคม 2524 เวลา 8.30 นาฬิกาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2524 ศาลจังหวัดอุทัยธานีสั่งเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ดังกล่าวในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2524 เวลา 8.30 นาฬิกา โดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ทราบ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2524 เวลา 9 นาฬิกา ศาลจังหวัดอุทัยธานีสืบพยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าวจนเสร็จ

พิเคราะห์แล้วในปัญหาว่า ที่ศาลจังหวัดอุทัยธานีซึ่งเป็นศาลที่ได้รับแต่งตั้งจากศาลจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นศาลที่พิจารณาคดี ให้สืบผู้เสียหายและนางแป้งหอมแทนได้สืบพยานทั้งสองปากดังกล่าวในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2524 นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 8 ตุลาคม 2524 ว่า เมื่อศาลจังหวัดนครสวรรค์จะส่งประเด็นไปสืบผู้เสียหายและนางแป้งหอมที่ศาลจังหวัดอุทัยธานี จำเลยที่ 1 และที่ 2 แถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป หลังจากวันที่ 8 ตุลาคม 2524 จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่ศาลจังหวัดอุทัยธานีสืบผู้เสียหายและนางแป้งหอม จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้แถลงต่อศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลที่พิจารณาคดีหรือศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทน ว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 หรือทนายกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าว ดังนั้น ที่ศาลจังหวัดอุทัยธานีสืบพยานในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2524 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา