ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาและสั่งให้จำเลยลงจากรถยนต์เพื่อจับกุมในข้อหาว่าสมคบกันกับพวกลักทรัพย์หรือรับของโจรอันเป็นการกระทำตามหน้าที่ จำเลยกล่าววาจาดูหมิ่นเจ้าพนักงานตำรวจว่า "เป็นเจ้าพนักงานสิเอาอำนาจหยังมาไซ่รุนแรงเกินไปแบบนี้" มีความหมายว่า เจ้าพนักงานใช้อำนาจรุนแรงต่อจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์ และเห็นว่า เพียงแต่จำเลยกล่าวว่า เอาอำนาจอะไรมาใช้รุนแรงเกินไปยังไม่ถึงขึ้นดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้สั่งศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไป หรือพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์ยืนยันว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวมีความหมายว่า เจ้าพนักงานใช้อำนาจรุนแรงต่อจำเลย ฉะนั้น โจทก์จะนำสืบพยานอย่างไร ก็คงสืบได้เท่าที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาเท่านั้น โจทก์จะนำสืบให้นอกเหนือไปจากฟ้องไม่ได้จึงไม่ต้องสืบพยาน จำเลยนั่งอยู่ในรถยนต์ เจ้าพนักงานไปเรียกจำเลยลงจากรถยนต์ จำเลยจึงได้กล่าวโดยมีความหมายเพียงประท้วงการกระทำของเจ้าพนักงานโดยมีเหตุผล ไม่เป็นการกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








