ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 26, 57, 66, 76, 92, 102พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 8, 9ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบบ้องกัญชา2 บ้อง นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่595/2533 ของศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 595/2533 ของศาลชั้นต้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 26, 57, 66 วรรคหนึ่ง,76 วรรคหนึ่ง, 92 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกคนละ 5 ปีฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปี ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองจำคุกคนละ 3 เดือน ฐานเสพกัญชา จำคุกคนละ3 เดือน รวมเป็นโทษจำคุกคนละ 10 ปี 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 7 ปี ริบบ้องกัญชา นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 595/2533หมายเลขแดงที่ 1054/2533 ของศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 เฉพาะความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแต่เฉพาะตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า บ้านจำเลยที่ 2 อยู่ห่างบ้านจำเลยที่ 1 ประมาณ 50 เมตรหลังจากจำเลยที่ 2 พานายวิรัตน์และพลตำรวจเฉลิมไปซื้อเฮโรอีนที่บ้านจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 2 ก็ออกจากบ้านจำเลยที่ 1 ไปพร้อมกับนายวิรัตน์และพลตำรวจเฉลิม เมื่อออกจากบ้านจำเลยที่ 1ไปได้ประมาณ 20 เมตร จำเลยที่ 2 ก็ถูกจับ ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ถูกจับที่บ้านพร้อมเฮโรอีนที่เหลือจากการจำหน่าย จึงเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ครอบครองเฮโรอีนส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายแต่อย่างใดเลย แม้จำเลยที่ 2 จะให้การรับสารภาพในข้อหานี้ด้วยทั้งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 แบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ดังที่โจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในข้อหาความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th