ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันทำการประมงจับปลาน้ำจืดโดยใช้ตะแกรงลวดและกระแสไฟฟ้า มีผู้ประสงค์รับบำเหน็จนำจับนำพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในขณะกระทำผิดพร้อมด้วยของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 20, 62 ทวิ, 69 71พระราชบัญญัติการประมงแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 105 ข้อ 2, 4, 5 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2515 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง และจ่ายเงินบำเหน็จ แก่ผู้นำจับตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลดโทษฐานรับสารภาพแล้วกึ่งหนึ่ง จำคุกจำเลยคนละ 3 เดือน ปรับคนละ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ริบของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้สั่งจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 71 นั้น โจทก์ไม่มีอำนาจขอ เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิในสินบนนั้นให้ยกคำขอนี้

โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดพ.ศ. 2489 มาตรา 6, 7, 8 และ 9 และศาลต้องจ่ายบำเหน็จ แก่ผู้นำจับตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด แต่ไม่เกินสองพันบาท ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 71 และขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจขอให้ศาลจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดตามพระราชบัญญัติการประมงพ.ศ. 2490 มาตรา 71 แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบหรือแนบระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดมาท้ายฟ้อง ศาลจึงไม่รู้ว่ารัฐมนตรีได้กำหนดระเบียบไว้อย่างไร จะต้องจ่ายบำเหน็จให้ผู้นำจับเป็นเงินเท่าใด ศาลจึงไม่อาจสั่งจ่ายบำเหน็จได้ โทษที่ศาลชั้นต้นลงแก่จำเลยก็พอสมควรแก่ความผิดแล้ว พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นยกคำขอให้จ่ายบำเหน็จแก่ผู้นำจับเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจขอ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีอำนาจขอก็ควรสั่งให้จ่ายบำเหน็จแก่ผู้นำจับ ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำขอเพราะเหตุที่โจทก์ไม่ได้นำสืบหรือแนบระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดมาท้ายฟ้องให้ศาลรู้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ทั้งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 71 ได้กล่าวถึงระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ด้วย ศาลต้องรู้ระเบียบนั้นเอง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นยกคำขอให้จ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับ เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจขอ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีอำนาจขอ แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบหรือแนบระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดมาท้ายฟ้องให้ศาลรู้ ให้ยกคำขอนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยเช่นนั้นได้ เพราะการจ่ายบำเหน็จตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด ศาลต้องรู้ถึงระเบียบนั้น ถ้าศาลไม่รู้ก็ย่อมสั่งจ่ายให้ไม่ได้ เนื่องจากพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 71 บัญญัติว่า "ผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด แต่ต้องไม่เกินสองพันบาทและต้องชดใช้เงินซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการไปตามมาตรา 59 ในกรณีที่ศาลลงโทษผู้กระทำผิด ให้ศาลพิพากษาให้ผู้กระทำผิดชำระเงินดังกล่าวแล้ว ถ้าไม่ชำระให้จัดการตามมาตรา 18 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา โดยถือเสมือนว่าเป็นค่าปรับ" ตามมาตรานี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดให้จ่ายบำเหน็จให้แก่ผู้นำจับไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลรู้ได้เอง โจทก์ต้องกล่าวอ้างหรือนำสืบให้ศาลรู้ถึงระเบียบนั้นด้วย เมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติเช่นนี้ ศาลย่อมสั่งจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th