ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


ได้ความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 มิถุนายน 2500 จำเลยได้นำเครื่องขยายเสียงและสิ่งอุปกรณ์ซึ่งเป็นของจำเลยมีไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2496 สำหรับตั้งโฆษณาในงานต่าง ๆ ออกไปนอกราชอาณาจักร สู่ประเทศลาวเพื่อให้วัดผาหดซึ่งอยู่ในท้องที่เมืองสานะคาม ประเทศลาวคนละฝั่งแม่น้ำโขงกับอำเภอเชียงคานเช่าและต่อมาเครื่องชำรุดระหว่างงาน จำเลยจึงได้ขายเครื่องนี้ให้แก่วัดผาหดไปในราคา 6,200 บาท โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบเพื่อการนำออกจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานนำสินค้าที่ต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักรไทย โดยมิได้รับอนุญาต
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์
ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่าเครื่องขยายเสียงและสิ่งอุปกรณ์จะถือว่าเป็นสินค้าอันพึงต้องขออนุญาตก่อนหรือไม่
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวข้างต้น มิใช่เป็นเรื่องจำเลยได้นำเครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์รายนี้ไปในฐานะสินค้าเพื่อเสนอขาย แต่เป็นเรื่องที่จำเลยมีเครื่องขยายเสียงไว้สำหรับให้เช่าโฆษณาในงานวัดผาหด แล้วจะนำกลับเข้ามา แต่ในระหว่างงานเครื่องได้เกิดชำรุด จำเลยจึงขายเครื่องนี้ให้แก่วัดผาหดไป ตามพฤติการณ์ดังกล่าว ถือไม่ได้ว่า เครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์รายนี้เป็นสินค้าตามความหมายแห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่างดังที่โจทก์อ้าง
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









