ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า โจทก์แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภริยากับนายพรสุวรรณ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โจทก์มีสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท สร้อยข้อมือทองคำ 2 เส้น หนักเส้นละ 2 สลึงติดตัวมา ทรัพย์เหล่านี้เมื่อโจทก์มาอยู่กินกับนายพรสุวรรณได้ขายเป็นทุนทำกินร่วมกับนายพรสุวรรณทั้งหมด ส่วนนายพรสุวรรณมีนา 1 แปลงเนื้อที่ 24 ไร่ 2 งาน โจทก์กับนายพรสุวรรณจึงเป็นหุ้นส่วนกัน ต่อมานายพรสุวรรณตาย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในที่ดินดังกล่าวกึ่งหนึ่ง แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องผู้ตายกลับใส่ชื่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นหลานผู้ตายลงในโฉนดที่ดินดังกล่าว ไม่ให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งด้วย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดดังกล่าวกึ่งหนึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสามแบ่งแยกให้โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีทรัพย์มาร่วมหุ้นทำกินกับนายพรสุวรรณที่ดินเป็นของนายพรสุวรรณตั้งแต่ก่อนโจทก์จะมาอาศัยอยู่ด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาส่วนแบ่ง
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้ความว่า โจทก์มิได้เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายพรสุวรรณผู้ตาย เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและนายพรสุวรรณมีที่นารายพิพาทมาก่อนอยู่กินกับโจทก์แล้ว ถึงแม้โจทก์จะมีทรัพย์สินติดตัวมาด้วยเมื่อมาอยู่กับนายพรสุวรรณก็ตาม แต่เมื่อที่นาพิพาทมิใช่ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างโจทก์อยู่กินกับนายพรสุวรรณ ที่พิพาทจึงไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างโจทก์กับนายพรสุวรรณอันจะถือได้ว่าโจทก์และนายพรสุวรรณมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน และการอยู่กินกันฉันสามีภรรยาระหว่างโจทก์กับนายพรสุวรรณตามที่โจทก์บรรยายฟ้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นสัญญาซึ่งโจทก์กับนายพรสุวรรณตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วย ประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้นตามลักษณะของสัญญาเข้าหุ้นส่วนในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 โจทก์จึงไม่มีสิทธิในที่ดินรายพิพาทที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








