ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องทำนองเดียวกันขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341, 343และขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 4085/2537 หมายเลขแดงที่ 5441/2538 ของศาลชั้นต้น

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลทั้งสามสำนวนให้ประทับฟ้อง

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธทั้งสามสำนวน แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

จำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวจากสารบบความทั้งสามสำนวน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 1 ทั้งสามสำนวนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 ลงโทษจำคุกสำนวนละ 8 เดือน รวมโทษจำคุก 24 เดือน นับโทษต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 4085/2537 หมายเลขแดงที่ 5441/2538 ของศาลชั้นต้น ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 นำสืบรับกันฟังได้ยุติว่าจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทฟูจิโยชิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือหุ้น นางสุมาลี ผิวสะอาด ได้พานายธนะ วรรณวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจากโจทก์ทั้งสามมาพบจำเลยที่ 1 เพื่อให้ช่วยดำเนินการขอหนังสือคนประจำเรือให้แก่โจทก์ทั้งสามเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นโดยไม่ต้องขอวีซ่าจำเลยที่ 1 ได้รับเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)สาขาเทเวศร์ ลงวันที่ 5 เมษายน 2539 จำนวนเงิน 30,000 บาทและแคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่3 ฉบับ จำนวนเงินฉบับละ 100,000 บาท จากโจทก์ทั้งสามและรับเงินไปแล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ การที่โจทก์ทั้งสามออกเช็คและแคชเชียร์เช็คเบิกจ่ายในนามของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเพราะเชื่อตามที่จำเลยที่ 1 กับพวกหลอกลวงโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าสามารถทำหนังสือคนประจำเรือพาโจทก์ทั้งสามเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าจริงดังฟ้องฎีกาจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต่อไปตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ทั้งสามมีส่วนร่วมในการกระทำผิดต้องการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นโดยวิธีผิดกฎหมาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 นั้น เป็นข้อที่จำเลยที่ 1 เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่เห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยจำเลยที่ 1 จึงยกขึ้นอ้างในชั้นนี้ได้ ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจะต้องวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายเสียก่อนว่าโจทก์ทั้งสามมีส่วนร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ ข้อเท็จจริงดังได้วินิจฉัยมาแล้วฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกหลอกลวงโจทก์ทั้งสามด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งว่าสามารถทำหนังสือเดินทางคนประจำเรือพาโจทก์ทั้งสามเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ทำให้โจทก์ทั้งสามหลงเชื่อว่าเป็นความจริง โจทก์ทั้งสามจึงหาได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 แต่อย่างใดไม่จึงไม่ต้องวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยที่ 1 ต่อไปว่า โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยหรือไม่ มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 หรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 1 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th