โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ใช้อุบายหลอกลวงข่มขู่มารดาโจทก์จนตกลงใจทำสัญญาโอนหุ้นโจทก์ในบริษัท ส. ตันสกุลให้แก่จำเลยเป็นเงิน50,000 บาท โดยโจทก์รับไปแล้ว 31,000 บาท สัญญาโอนหุ้นจึงเป็นโมฆียะทั้งการโอนหุ้นก็ไม่ได้แถลงหมายเลขหุ้นไว้ จึงเป็นการโอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายบัดนี้หุ้นของบริษัทดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นขอให้พิพากษาว่าสัญญาโอนหุ้นเป็นโมฆะ ให้จำเลยคืนหุ้นดังกล่าวให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถคืนได้ ก็ให้จำเลยใช้มูลค่าหุ้น 903,000 บาท และให้จำเลยรับเงิน 31,000 บาท คืนจากโจทก์

จำเลยให้การว่า มารดาโจทก์และโจทก์ได้ขายหุ้นตามฟ้องด้วยความสมัครใจโจทก์จะบอกล้างสัญญาไม่ได้ เพราะล่วงเลยกำหนดเวลาตามกฎหมาย และสัญญาโอนหุ้นก็เป็นสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหุ้นพิพาทเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น การโอนหุ้นไม่ได้แถลงเลขหมายหุ้นไว้ในสัญญาโอนหุ้น จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 พิพากษาให้จำเลยคืนหุ้นแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ปัญหาว่าการโอนหุ้นตามสัญญาโอนซึ่งมีข้อความแต่เพียงว่า "ผู้โอนขอโอนหุ้นในบริษัท ส. ตันสกุลจำนวน 300 หุ้น ให้กับผู้รับโอนทั้งหมด" จะสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 หรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่กฎหมายบังคับว่าการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อในใบหุ้นต้องแถลงเลขหมายหุ้นซึ่งโอนกันลงในตราสารการโอนด้วยนั้น ก็เพื่อว่าถ้าผู้โอนมีหุ้นหลายหุ้นและต้องการโอนเพียงบางหุ้น ก็ให้ระบุเลขหมายหุ้นที่โอนไป เพื่อจะรู้ได้แน่นอนว่าหุ้นใดยังอยู่หรือโอนไปแล้วเท่านั้น ในกรณีที่ผู้โอนต้องการโอนหุ้นทั้งหมดดังคดีนี้เพียงแต่ระบุในเอกสารการโอนว่าขอโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่ผู้รับโอนก็ถือได้ว่าเป็นการแถลงเลขหมายของหุ้นซึ่งโอนกันแล้ว

พิพากษากลับเป็นให้ยกฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา