ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกอีก 6 คน ใช้ไม้ 1ท่อน ยาวประมาณ 1 เมตร เป็นอาวุธตีและชกต่อยนายสมมาตร มีแสงผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83, 33 และริบท่อนไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา697, 83 ลดมาตราส่วนโทษให้แล้ว คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม้ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ส่วนท่อนไม้ให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุจำเลยเดินตามนายจวงกับพวกไปที่บ้านนายมานัส พอไปถึงจำเลยยืนอยู่ข้างล่าง ส่วนนายจวงกับพวกอีก 2 คนขึ้นไปบนบ้านซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายนายมานัส พลตำรวจสมปอง นายมนู นายชนะ นายคะเน กำลังซ้อมดนตรีกันอยู่ นายจวงถือไม้หนาประมาณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร เดินตรงไปที่ผู้เสียหายและใช้ไม้ตีถูกชายโครงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ข้างล่างบนพื้นดินห่างที่เกิดเหตุประมาณ 6 - 10 เมตร จำเลยยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้แสดงกริยาอาการจะเข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหายและหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยเดินตามนายจวงกับพวกไป แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า จำเลยเป็นพรรคพวกของนายจวงหรือพวกของนายจวงคนใดคนหนึ่งและมีเจตนาร่วมกับนายจวงเพื่อทำร้ายผู้เสียหายมาแต่แรก แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยรู้ว่า นายจวงกับพวกจะไปทำร้ายผู้เสียหายก็ตาม ก็ยังไม่พอที่จะรับฟังเป็นพิรุธแก่จำเลยว่า จำเลยมีเจตนาร่วมกับนายจวงเพื่อทำร้ายผู้เสียหาย
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








