ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2519 ในข้อหาละเมิดโดยกล่าวมาในฟ้องว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 397 ถนนอาคารสงเคราะห์สาย 7 ตำบลทุ่งมหาเมฆ อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร ศาลแพ่งสั่งรับคำฟ้อง ในระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 11พฤษภาคม 2519 ขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับที่อยู่ของจำเลยจากเดิมมาเป็นบ้านเลขที่ 28/7-8 หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อ้างว่าจำเลยได้ย้ายไปจากภูมิลำเนาเดิมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2519 ศาลแพ่งเห็นว่าขณะที่โจทก์ยื่นคำฟ้อง จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่งจึงไม่มีอำนาจยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง ให้เพิกถอนคำสั่งที่รับฟ้องและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องจำหน่ายคดีโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การยื่นคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ต้องอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ซึ่งให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล เมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดปทุมธานีมิได้อยู่ที่จังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีในเขตอำนาจศาลแพ่ง โจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง โดยศาลแพ่งมิได้ใช่ดุลพินิจยอมรับคดีไว้พิจารณาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(3) หาได้ไม่
ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลแพ่งสั่งรับคำฟ้องไว้แต่แรก ไม่ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องโจทก์นั้น เห็นว่าศาลแพ่งสั่งรับคำฟ้องโจทก์เพราะฟ้องกล่าวว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร หาใช่กล่าวว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดปทุมธานีไม่ ทั้งเมื่อความปรากฏว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตศาลแพ่ง ศาลแพ่งก็มิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอันแสดงว่าเป็นการใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีโจทก์ คำสั่งศาลแพ่งที่ให้เพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องโจทก์จึงหาเป็นการไม่ชอบดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









