โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ร่วมกัน เล่นแชร์ กับ โจทก์ และผู้มีชื่อ โจทก์ เป็น นายวงแชร์ โดย จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน เล่นแชร์ 2 มือจำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ประมูล แชร์ มือ แรก และ ได้รับ เงิน ไป ครบถ้วน แล้วต่อมา จำเลย ทั้ง สอง ได้ ขาย แชร์ ส่วน ที่ เหลือ อีก 1 มือ ให้ แก่ผู้มีชื่อ ไป จำเลย ทั้ง สอง ได้ ชำระ ค่าแชร์ เรื่อย มา จน กระทั่ง วันที่10 กรกฎาคม 2532 ก็ ไม่ชำระ อีก เลย โจทก์ ต้อง ชำระ แทน จำเลย ทั้ง สองเรื่อย มา จน ถึง การ ประมูล แชร์ งวด สุดท้าย เป็น เวลา 8 เดือน คิด เป็น เงิน160,000 บาท โจทก์ ติดต่อ ทวงถาม แล้ว จำเลย ทั้ง สอง ชำระ เงิน ค่าแชร์ให้ อีก เพียง 10,000 บาท แล้ว ก็ ไม่ชำระ จึง ขอ คิด ค่าเสียหาย เป็นดอกเบี้ย ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี จาก ต้นเงิน จำนวน 150,000 บาท นับแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2533 ถึง วันฟ้อง เป็น เงิน 15,000 บาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 165,000 บาท ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงินจำนวน 165,000 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ร้อยละ 15 ต่อ ปีจาก เงินต้น จำนวน 150,000 บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ

จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า ฟ้อง ของ โจทก์ เคลือบคลุม เพราะ ไม่ได้บรรยาย ว่า จำเลย คนใด เป็น ผู้ประมูล แชร์ มือ แรก และ มิได้ แจก แจง รายละเอียดไว้ พอสมควร ให้ จำเลย เข้าใจ คำฟ้อง ได้ จำเลย ได้ ส่ง เงิน ค่าแชร์ ให้ แก่โจทก์ ครบถ้วน แล้ว ขอให้ ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง

โจทก์ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน150,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันที่10 กุมภาพันธ์ 2533 อันเป็น วัน สุดท้าย ที่ ประมูล แชร์ เป็นต้น ไป จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ ดอกเบี้ย ถึง วันฟ้อง ไม่เกิน 15,000 บาท

จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา

ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา ปัญหาข้อกฎหมาย ว่าเมื่อ โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ไม่ชำระ เงิน ค่าแชร์ จำเลย ทั้ง สองให้การ ว่า ได้ ชำระ เงิน ให้ ครบถ้วน แล้ว โจทก์ จึง มี ภาระ การ พิสูจน์เมื่อ โจทก์ นำสืบ ไม่ สม ฟ้อง จึง ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ยัง ค้างชำระค่าแชร์ นั้น เห็นว่า คำให้การ ของ จำเลย ทั้ง สอง เท่ากับ จำเลย ทั้ง สองยอมรับ ว่า เป็น หนี้ ค่าแชร์ ตาม ที่ โจทก์ ฟ้อง จริง แต่ จำเลย ทั้ง สองต่อสู้ ว่า ได้ ชำระหนี้ ค่าแชร์ นั้น ให้ โจทก์ ไป หมด แล้ว ดังนั้น จำเลยทั้ง สอง จึง มี ภาระ การ พิสูจน์ หรือ มี หน้าที่ นำสืบ ให้ สม กับ ข้อต่อสู้ของ ตน เมื่อ จำเลย ทั้ง สอง นำสืบ ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ชำระหนี้ดังกล่าว ให้ โจทก์ ครบถ้วน แล้ว จำเลย ทั้ง สอง จึง ต้อง แพ้ คดี โจทก์

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา