คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2522
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 170 วรรคหนึ่ง, 193 วรรคหนึ่ง, 193 ทวิ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ นำมาปรับแก่คดีซึ่งอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้องดังนี้ ห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันหลอกลวงโจทก์ทั้งสองด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ทั้งสองฎีกาว่าชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูล โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์ฎีกาได้ การที่ศาลอุทธรณ์นำเอาบทบัญญัติของมาตรา 193 ทวิ มาปรับกับคดีที่อยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่ต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงอย่างในคดีนี้ จึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 170 วรรคแรก, 193 วรรคแรก และมาตรา 193 ทวิ ซึ่งนำมาปรับกับคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้เช่นเดียวกับในชั้นพิจารณา คดีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายมา มิลาสมบัติ กับพวก จำเลย - นายประเวศน์ พนมเขต กับพวก
ชื่อองค์คณะ ประเสริฐ วราภรณ์ ยง โรจนสุพจน์ ประสม ศรีเจริญ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan