ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน สำนวนแรกพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายสุรพล โคตะ ซึ่งตายไปแล้วต่างขับรถยนต์โดยประมาททำให้รถเฉี่ยวชนกันเป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 390, 91, 83 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,78, 157, 160, 162 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 และเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นผู้ขับรถของจำเลยด้วยสำนวนที่สองนายหย่อม โคตะ ซึ่งเป็นบิดาของนายสุรพลโคตะ ผู้เสียหายซึ่งถึงแก่ความตายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้นายสุรพล โคตะ และบุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าจำเลยและนายสุรพล โคตะ ผู้ตายกระทำผิดโดยประมาททั้งสองฝ่าย โจทก์สำนวนที่สองจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษาว่าสำหรับสำนวนแรกจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 390 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 38 (ที่ถูกเป็นมาตรา 78), 160 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาลงโทษบทหนักตามมาตรา 291 ให้จำคุกมีกำหนด 3ปี ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกลงโทษจำคุก 3 เดือน คำขออื่นให้ยกสำหรับสำนวนที่สองให้ยกฟ้อง

โจทก์สำนวนที่สองและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์สำนวนที่สองมีอำนาจฟ้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับสำนวนแรกคือคดีอาญาหมายเลขดำที่ 12/2524 หมายเลขแดงที่ 1943/2526 ของศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นรับไว้โดยมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

สำหรับสำนวนที่สองคือคดีอาญาหมายเลขดำที่ 399/2524 หมายเลขแดงที่ 1944/2526 ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไว้ จึงมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและทำให้คดีหลังนี้ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ในปัญหาว่าโจทก์ในสำนวนที่สองมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่าการที่นายสุรพล ผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาชิดหรือเกือบชิดเส้นประกึ่งกลางถนนทั้งที่อาจขับหลีกไปทางซ้ายมือได้ เพราะยังมีผิวจราจรว่างอยู่กว้างประมาณ2 เมตร และนายสุรพลผู้ตายย่อมจะต้องมองเห็นแล้วว่า มีรถยนต์โดยสารแล่นสวนทางมาแต่ไกลเพราะมีแสงไฟหน้ารถยนต์โดยสารและทางข้างหน้าเป็นทางตรงโดยวิสัยของนายสุรพลผู้ตายในภาวะเช่นนั้นควรจักต้องขับรถด้วยความระมัดระวังโดยชะลอความเร็วและหลบหลีกให้ห่างจากเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนในระยะที่ปลอดภัยซึ่งนายสุรพลผู้ตายอาจกระทำได้ แต่หาได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอไม่ กลับขับรถโดยไม่ชะลอความเร็วและขับชิดหรือเกือบชิดเส้นประกึ่งกลางถนนจนเป็นเหตุให้รถชนกัน นายสุรพลผู้ตายย่อมมีส่วนกระทำการโดยประมาทจึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย โจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้บุพพการีย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้ตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำนวนที่สอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th