ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 22/1 หมู่ที่ 7 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก ออกไปจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 127 และ 135 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก ของโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 100 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินดังกล่าวเสร็จสิ้น แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปรื้อบ้านดังกล่าวแล้วบางส่วน

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า บ้านที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรื้อถอนเป็นบ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 7 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ของผู้ร้อง ไม่ใช่บ้านเลขที่ 22/1 ของจำเลย ขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดี

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ดำเนินการบังคับคดีรื้อถอนบ้านเลขที่ 22/1 ของจำเลย ไม่ใช่บ้านเลขที่ 14 ของผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์เพื่อปลูกบ้านเลขที่ 22/1 หมู่ที่ 7 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ค่าเช่าเดือนละ 100 บาท นับจากวันทำสัญญาเช่าจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 6 ปีเศษ โจทก์ประสงค์ใช้ที่ดิน จึงมีหนังสือบอกเลิกการเช่า แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมออกไป ขอให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านหลังดังกล่าวและออกไปจากที่ดินของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของนางทอง เพชรจันทร์หรืออุปจันทร์ แม่ยายจำเลย เมื่อนางทองถึงแก่กรรม ที่ดินดังกล่าวตกเป็นของภริยาจำเลยและพี่น้องภริยาจำเลย โจทก์ปลอมลายมือชื่อนางทองในหนังสือมอบอำนาจและกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ สัญญาเช่าเป็นเอกสารปลอม คดีเดิมของเรื่องนี้จึงเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินของโจทก์ ซึ่งให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ10,000 บาท และจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวอันจะทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ คู่ความในคดีเดิมจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง คดีนี้เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการรื้อถอน จึงเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับบริวารของจำเลยให้ออกไปจากที่ดินของโจทก์ เมื่อคู่ความในคดีเดิมต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม ผู้ร้องฎีกาว่า บ้านที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไปรื้อถอนเป็นบ้านของผู้ร้อง มิใช่ของจำเลย เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"

พิพากษายกฎีกาของผู้ร้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th