ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวน 114,379 บาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันชำระเงินจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 3 ปี 8 เดือน รวมเป็นเงิน 31,454 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่าการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ไม่คืนเงินค่าอากรจำนวน 114,379บาท ให้แก่โจทก์ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการแล้ว ทั้งจำเลยไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ แก่โจทก์ด้วย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า "ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่2758/2531 คดีระหว่าง บริษัทชนาธิผล จำกัด โจทก์ กรมศุลกากร จำเลย เป็นปทัฏฐานแล้วว่า"พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 วรรคห้า มีความหมายว่า สิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้นจะต้องฟ้องเสียภายใน 2 ปีนับแต่วันนำของเข้า เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันนำของเข้า คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ" ดังนั้นแม้โจทก์คดีนี้จะได้ยื่นคำขอคืนเงินอากรที่ได้เสียไว้เกินนั้นต่ออธิบดีกรมศุลกากรภายใน 2 ปี แต่นำคดีมาฟ้องเกินกว่า 2 ปี นับแต่วันนำสินค้าพิพาทเข้ามาในราชอาณาจักร สิทธิเรียกร้องขอคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียจริงจึงเป็นอันสิ้นไปหรือขาดอายุความนั่นเอง ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เรียกร้องขอคืนเงินอากรขาเข้าจำนวน 85,721 บาท จึงชอบแล้ว แต่คดีนี้นอกจากโจทก์ฟ้องเรียกร้องขอคืนเงินอากรขาเข้าตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 แล้ว ยังฟ้องเรียกร้องขอคืนเงินภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล และค่าธรรมเนียมพิเศษ ตามประมวลรัษฎากร พระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ.2497 และพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 ตามลำดับ จำเลยคงยกอายุความตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 10 วรรคห้า ซึ่งเป็นอายุความเกี่ยวกับสิทธิในการเรียกร้องขอคืนเงินอากรขาเข้าขึ้นต่อสู้เท่านั้น หาได้ยกอายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องขอคืนเงินภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาลและค่าธรรมเนียมพิเศษขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ ดังนั้นแม้คดีของโจทก์เกี่ยวกับสิทธิในการเรียกร้องขอคืนเงินอากรขาเข้าขาดอายุความตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 10 วรรคห้า แล้ว ศาลภาษีอากรกลางก็ยังต้องวินิจฉัยตามประเด็นข้อพิพาทข้อ 5 ต่อไปว่า จำเลยต้องคืนเงินภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาลและค่าธรรมเนียมพิเศษ พร้อมค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามฟ้องอีกหรือไม่ เพียงใด การที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 เพราะมิได้ชี้ขาดคดีตามข้อหาในคำฟ้องทุกข้อ เมื่อคดีปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลภาษีอากรกลางมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวอันว่าด้วยคำพิพากษาศาลฎีกา จึงเห็นควรวินิจฉัยตามประเด็นข้อพิพาทข้อ 5 ให้ โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยอีก ส่วนประเด็นข้อ 3 ที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้น เป็นประเด็นต่อเนื่องมาจากประเด็นข้อ 2 นั่นเอง เมื่อศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าเป็นกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พึงต้องรู้อยู่ก่อนส่งมอบตามประเด็นข้อ 2 แล้ว แม้จะมิได้วินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องตามประเด็นข้อ 3 ก็ตาม แต่เมื่อประเด็นข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 ที่ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกิดจากบทบัญญัติแห่งมาตรา 10 วรรคห้า ของพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยยืนตามคำวินิจฉัยของศาลภาษีอากรกลางในประเด็นข้อ 4 แล้ว จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัยในประเด็นข้อ 3 อีก ปัญหาตามประเด็นข้อ 5 ดังกล่าวนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่าโจทก์นำสินค้าพิพาทเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2533โดยสำแดงราคาสินค้าที่นำเข้าเป็นเงิน 1,312,400.28 บาท พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,534,058.12 บาท โดยมิได้ลดราคาลงให้ในอัตราร้อยละ 10 ตามบัญชีราคาสินค้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยยอมรับราคาแล้วโจทก์ได้ชำระอากรขาเข้าแก่จำเลยไปจำนวน 920,434 บาท ภาษีการค้าจำนวน 272,772 บาท ภาษีบำรุงเทศบาลจำนวน 27,277 บาท ค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวน 7,670 บาท หากคำนวณอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล และค่าธรรมเนียมพิเศษตามบัญชีราคาสินค้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยยอมรับราคาแล้วคือ ลดราคาลงให้อีกร้อยละ 10 ของราคาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินไว้นั้นแล้ว ผลก็จะปรากฏว่าโจทก์ได้เสียอากรขาเข้าเกินไปจำนวน 85,721 บาท ภาษีการค้าเสียเกินไปจำนวน 25,403 บาท ภาษีบำรุงเทศบาลเสียเกินไปจำนวน 2,540 บาท ค่าธรรมเนียมพิเศษเสียเกินไปจำนวน 715 บาท เมื่อจำเลยให้การต่อสู้และศาลวินิจฉัยว่า สิทธิในการเรียกร้องคืนอากรขาเข้าที่โจทก์ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียจริงขาดอายุความแต่เพียงอย่างเดียว จำเลยจึงต้องคืนภาษีการค้าจำนวน 25,403 บาท ภาษีบำรุงเทศบาลจำนวน 2,540 บาท และค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวน 715 บาท ที่โจทก์ได้เสียเกินจำนวนที่พึงต้องเสียจริงนั้นให้แก่โจทก์ ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเรียกจากจำเลยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ชำระภาษีอากร และค่าธรรมเนียมพิเศษจนถึงวันที่จำเลยชำระคืนเสร็จนั้นพอถือได้ว่าโจทก์ขอเรียกดอกเบี้ยจากจำเลย สำหรับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเป็นการเรียกดอกเบี้ยด้วยเหตุผิดนัดชำระหนี้เงินคืนโจทก์ จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดได้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคแรก โจทก์มีหนังสือขอเงินดังกล่าวคืนเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2534 ตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 17 จำเลยได้รับหนังสือของโจทก์ในวันเดียวกันแต่ไม่ยอมคืนให้จึงถือได้ว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 30 มกราคม2534 จนกว่าจะชำระคืน ส่วนค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นการเรียกดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 112 จัตวา วรรคสี่ ซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดระเบียบการเรียกเก็บและวิธีการชำระค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรลงวันที่ 7 มิถุนายน 2533 โดยจำเลยต้องคืนค่าธรรมเนียมพิเศษพร้อมด้วยดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.625 ต่อเดือน เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ชำระค่าธรรมเนียมพิเศษจนถึงวันที่มีการอนุมัติให้จ่ายคืน แต่โจทก์ขอดอกเบี้ยมาในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จึงให้ตามขอ"

พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยคืนเงินภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล และค่าธรรมเนียมพิเศษรวม 28,658 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงิน 27,943 นับแต่วันที่ 30 มกราคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และจากต้นเงิน 715 บาท นับแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2533 จนถึงวันอนุมัติให้จ่ายคืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th