
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหาย ทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารคือภาพถ่ายและฟิล์มของภาพถ่ายดังกล่าวของผู้เสียหาย ซึ่งได้จ้างช่างถ่ายภาพบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายที่ได้สูญหายไปเพื่อสำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีแพ่งกับจำเลย ทั้งนี้ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางเกษณี (เกงเฮียง) แซ่โง้ว ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา ต่อมาโจทก์ร่วมขอถอนฎีกา ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาโจทก์มีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ร่วมเป็นภริยาจำเลยได้ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู และขอให้เปิดประตูบ้านเลขที่ 47 แขวงวัดสามพระยา ศาลมีคำสั่งให้เปิดประตูบ้าน โจทก์ร่วมได้ใช้ช่างภาพถ่ายภาพห้อง เครื่องใช้ ตู้เสื้อผ้าและของอื่น ๆ ภายในบ้าน ต่อมาร้านถ่ายภาพได้นำภาพถ่ายไปมอบให้โจทก์ร่วมที่บ้านสั่งถ่ายภาพ จำเลยเป็นผู้รับไว้ และให้คนไปเอาฟิล์มภาพถ่ายจากร้านแล้วเอาไปเสียไม่ยอมคืนให้โจทก์ร่วม
ศาลฎีกาเห็นว่า ภาพถ่ายห้อง เครื่องใช้ ตู้เสื้อผ้า และของอื่น ๆภายในบ้านดังกล่าว เป็นภาพจำลองของห้อง เครื่องใช้ ฯลฯ เท่านั้นไม่ได้แสดงความหมายให้ปรากฏแต่อย่างใด ห้อง เครื่องใช้ ฯลฯ มีสภาพเป็นอยู่อย่างไร เมื่อถ่ายเป็นภาพออกมาก็ปรากฏอยู่ในสภาพอย่างนั้นไม่เป็นหลักฐานแห่งความหมายอย่างใด ๆ เลย ภาพถ่ายและฟิล์มของภาพถ่ายตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จึงไม่เป็นเอกสารตามมาตรา 1(7) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







