ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกรวม 5 คน ได้ร่วมกันฉุดคร่าพรากนางสาวสุวรรณา สมานคำ ผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากนายสุพจน์ และนางคล้าย สมานคำ บิดามารดา เพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย จำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายโดยใช้ยาสลบโปะจมูกปิดปากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหมดสติ จำเลยกับพวกได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำอนาจารผู้เสียหายขณะไม่ได้สติโดยถอดเสื้อผ้าผู้เสียหายออกหมด แล้วจำเลยกับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 310, 318, 83, 91

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุที่ผู้เสียหายเข้าไปนั่งรวมอยู่ในกลุ่มจำเลยเพราะถูกชายในกลุ่มจำเลยหลอก ผู้เสียหายไม่ได้มีความสมัครใจที่จะเข้าไปนั่งรวมกลุ่ม และไม่สมัครใจที่จะไปกับพวกของจำเลยเมื่อผู้เสียหายเดินกลับบ้าน พวกจำเลยเดินตามหลังผู้เสียหายมาและเอายาสลบโปะจมูกของผู้เสียหาย ผู้เสียหายมารู้สึกตัวอีกครั้งพบว่านอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าถูกถอดออกหมด รู้สึกเจ็บที่อวัยะเพศมีน้ำไหลออกมาจากอวัยวะเพศเลอะตามช่วงขาพับจำเลยกับพวกอยู่ในห้องด้วย จำเลยนั่งอยู่ปลายเตียง ขณะนั้นทุกคนรวมทั้งจำเลยไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงในตัวเดียวตามพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าผู้เสียหายได้ถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยชายในกลุ่มนั้นที่ตามผู้เสียหายมาซึ่งมีจำเลยรวมอยู่ด้วย ดังนี้ แม้ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่การที่จำเลยติดตามผู้เสียหายไปและพวกของจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราและรออยู่จนพวกของตนข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้ว และจำเลยพูดว่า ให้กูมั่ง กูยังไม่ได้เลย ขณะผู้เสียหายตื่นขึ้น ซึ่งหมายความว่าจำเลยยังไม่ได้กระทำชำเราผู้เสียหายเลยถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกฉุดคร่าพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้เสียหายเพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย และร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายโดยใช้ยาสลบโปะปิดจมูกของผู้เสียหาย แล้วจำเลยกับพวกดังกล่าวได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้และข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมปกติ อย่างไรก็ดี พยานหลักฐานของโจทก์คงมีเพียงตัวผู้เสียหายปากเดียว ไม่มีพยานอื่นได้รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่ผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายเองก็ไม่อาจยืนยันได้ว่ามีใครในพวกจำเลยบ้าง จำนวนกี่คนที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะขณะนั้นผู้เสียหายหมดสติไป จึงยังไม่พอให้ฟังว่าพวกของจำเลยอย่างน้อยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้วอันจะถือว่าเป็นการข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงได้

พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา318 วรรคสาม จำคุก 3 ปี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา310 วรรคแรก จำคุก 6 เดือน และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก จำคุก 8 ปี รวมจำคุก 11 ปี 6 เดือนข้อหาอื่นให้ยก.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th