ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดี 2 สำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดากับนางพริ้ง นางพริ้งตายเมื่อปี 2498 ก่อนตายนางพริ้งมีที่ดิน 1 แปลง และตกลงยกให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระหนี้แทนนางพริ้ง ปี 2505 จำเลยไปยื่นขอโอนมรดกที่แปลงนี้ จึงขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์

สำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1-6 เข้าไปไถนาพิพาทและแย่งการครอบครองของโจทก์ โดยจำเลยที่ 7 (จำเลยในคดีแรก) เป็นผู้ใช้ขอให้ศาลขับไล่ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยสำนวนแรกให้การว่าเป็นบุตรบุญธรรมของนางพริ้ง เมื่อนางพริ้งตายได้ตกลงกับโจทก์แบ่งพิพาทกัน กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองที่พิพาทส่วนที่เป็นของจำเลยจึงเป็นของจำเลยโดยชอบ ส่วนจำเลยที่ 1-6ในสำนวนหลังให้การว่าเช่าที่พิพาทจากจำเลยที่ 7

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทั้ง 2 สำนวน

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยทุกคน และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทั้ง 2 สำนวนฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของนางพริ้ง บทกฎหมายที่จะนำมาปรับแก่คดีจึงต้องใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 ซึ่งบัญญัติว่า การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย เมื่อไม่มีการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะรับมรดกของนางพริ้ง ส่วนข้อที่นางพริ้งพูดยกที่พิพาทให้โจทก์จำเลยคนละครึ่งนั้น เป็นเรื่องที่นางพริ้งสั่งเผื่อไว้เมื่อนางพริ้งถึงแก่กรรมแล้ว มิได้มีการยกที่พิพาทให้ในขณะนั้นคำสั่งนี้จึงถือว่าเป็นพินัยกรรม แต่นางพริ้งไม่ได้ทำเป็นพินัยกรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่มีผลแต่อย่างใด และที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัด โจทก์จำเลยได้ตกลงแบ่งกันคนละครึ่ง จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมแบ่งมรดกแล้วนั้น ศาลฎีกาฟังว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ได้บันทึกไว้เป็นหนังสือ จึงเห็นว่าการประนีประนอมกันนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สัญญาไม่มีผลที่บังคับกันได้ตามกฎหมาย เมื่อภายหลังโจทก์กลับใจไม่ยอมแบ่งให้จำเลย จำเลยจะอ้างว่าได้ทำการตกลงแบ่งกันแล้วย่อมไม่มีผลตามกฎหมาย และเห็นว่าเมื่อคดีฟังเป็นยุติว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้วการที่จำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยไม่มีสิทธิอะไร ก็ย่อมถือว่าเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th