สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2543

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2543

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 96 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 195

ในขณะที่จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินกับ อ. มีการรังวัดที่ดินกัน 1 ครั้ง โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงลงชื่อยินยอมในการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินไว้ด้วยจำเลยทำคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในวันที่ 24 กรกฎาคม 2538 แล้วทำสัญญาขายที่ดินเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 และตามคำขอจดทะเบียนสิทธิก็ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บันทึกให้มีการประกาศเป็นเวลา 30 วันก่อน แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้มีการรังวัดกันเมื่อใด แต่ก็ย่อมต้องกระทำก่อนที่มีการทำสัญญาซื้อขายแสดงว่า โจทก์รู้ว่าจำเลยตกลงขายที่ดินตั้งแต่ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2538 แล้ว ที่โจทก์อ้างว่าเพิ่งทราบเรื่องเมื่อธันวาคม 2538 ก็ขัดกับคำเบิกความของโจทก์เองดังนั้นเมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยได้ขายที่ดินให้ อ. แล้ว จะถือว่าอายุความเริ่มนับแต่เดือนธันวาคม 2538 ไม่ได้

คดีความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีเมื่อเกินกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 กรณีเป็นเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก,353, 354

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354ประกอบด้วยมาตรา 353 ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 1 ปี 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยพิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาสมควรวินิจฉัยเป็นประการแรกว่าคดีขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่ ได้ความตามคำเบิกความของโจทก์ตอบคำซักค้านของทนายจำเลยว่าในขณะที่จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินกับนายอำนวย ขำเกิด มีการรังวัดที่ดินกัน 1 ครั้งโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงต้องลงชื่อยินยอมในการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งโจทก์ได้ลงลายมือชื่อยินยอมในการรังวัดดังกล่าวด้วย และได้ความตามทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยทำคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในวันที่ 24 กรกฎาคม 2538แล้วทำสัญญาขายที่ดินเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 ตามคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเอกสารหมาย จ.2 กับหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.3 ตามคำขอจดทะเบียนสิทธิก็ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่บันทึกให้มีการประกาศเป็นเวลา 30 วันก่อนแม้จะไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้มีการรังวัดกันเมื่อใดแต่ก็ย่อมต้องกระทำก่อนที่มีการทำสัญญาซื้อขาย เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์ได้ลงลายมือชื่อยินยอมให้ทำการรังวัดในขณะที่จำเลยขายที่ดินให้นายอำนวยจึงแสดงว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยตกลงขายที่ดินตั้งแต่ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2538 แล้ว ที่โจทก์อ้างว่าเพิ่งทราบเรื่องเมื่อธันวาคม 2538โดยนายอำนวยมาบอกไม่ให้เข้าไปในที่ของนางถม จึงได้ไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินอำเภอโพทะเล ปรากฏว่ามีการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินกันนั้น ขัดกับคำเบิกความของโจทก์เองดังกล่าว ดังนั้นเมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยได้ขายที่ดินให้นายอำนวยแล้ว จะถือว่าอายุความเริ่มนับแต่เดือนธันวาคม 2538 ไม่ได้ คดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539 ซึ่งเกินกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 กรณีเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นต่อไป

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นาง รจนา ดีเลิศ จำเลย - นาย วิชัย พลับจุ้ย

ชื่อองค์คณะ พีรพล จันทร์สว่าง วิชัย ชื่นชมพูนุท สุรศักดิ์ กาญจนวิทย์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE