ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า

ฎีกาของโจทก์ที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์นำเข้าสินค้ายางรถยนต์จากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย

ประเภทพิกัด 4011.10.00 อัตราอากรขาเข้าร้อยละ 10

โจทก์ชำระอากรขาเข้าและพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยตรวจปล่อยสินค้าแล้ว

ต่อมาโจทก์ยื่นขอใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าและขอคืนอากรขาเข้าที่ชำระไปแล้ว

824,678

บาท

พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นเอกสารการขอใช้สิทธิในขณะผ่านพิธีการ

ซึ่งต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่ออธิบดีกรมศุลกากร

และจำเลยยกอุทธรณ์ด้วยเหตุผลว่าโจทก์ขอคืนเงินอากรโดยนำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ามาแสดงภายหลังได้ผ่านพิธีการและรับมอบของจากอารักขากรมศุลกากรโดยมิได้สงวนสิทธิขอคืน

จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการขอคืนค่าภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจาณาคดีภาษีอากร

พ.ศ.2528 มาตรา 7 (3) และมาตรา 9 ซึ่งบัญญัติให้ต้องดำเนินการในศาลภาษีอากรได้ต่อเมื่อปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ

และระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งพระราชบัญญัติศุลกากร

พ.ศ.2469 มาตรา 10 วรรคห้า ที่ใช้บังคับในขณะนั้น บัญญัติเพียงว่า “สิทธิในการเรียกร้องขอคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียจริงเป็นอันสิ้นไปเมื่อครบกำหนดสองปีนับจากวันที่นำของเข้าหรือส่งของออก

แล้วแต่กรณี แต่คำเรียกร้องขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก

หรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นั้น

มิให้รับพิจารณาหลังจากที่ได้เสียอากรและของนั้น ๆ ได้ส่งมอบหรือส่งออกไปแล้ว

เว้นแต่ในกรณีที่ได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบหรือส่งออกว่าจะยื่นคำเรียกร้องดังกล่าว หรือในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พึงต้องรู้ก่อนส่งมอบหรือส่งออกว่าอากรที่ชำระไว้นั้นเกินจำนวนที่พึงต้องเสียสำหรับของที่ส่งมอบหรือส่งออก”

เมื่อปรากฏตามใบขนสินค้าขาเข้า

แผ่นที่ 119 และ 163 ว่าโจทก์นำเข้าสินค้าพิพาทในวันที่

12 กันยายน 2555 และวันที่ 24 ตุลาคม 2555

และโจทก์ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง

2 ฉบับ ต่อจำเลยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2556 จึงเป็นการใช้สิทธิขอคืนเงินอากรภายใน

2 ปี นับแต่วันนำเข้าตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดแล้ว

และกรณีเป็นการเรียกร้องขอคืนเงินอากรเพราะต้องการใช้สิทธิตามข้อผูกพันตามความตกลงทางการค้าสินค้าของอาเซียน

ไม่ใช่กรณีคำเรียกร้องขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก

หรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรตามมาตรา 10 วรรคห้าตอนท้าย

โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินอากรได้

ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า

โจทก์มีสิทธิได้รับเงินอากรพร้อมดอกเบี้ยคืนหรือไม่ เห็นว่า ประกาศกระทรวงการคลังและประกาศกรมศุลกากรที่ออกโดยอาศัยอำนาจของมาตรา

14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร

พ.ศ.2530 ได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้นำของเข้าที่ประสงค์จะใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร

1) ให้ผู้นำของเข้าแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า

บัญชีราคาสินค้าที่มีข้อความรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าหรือเอกสารทางการค้าอื่นที่มีข้อความรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยพิจารณาเอกสารว่าเป็นไปตามข้อผูกพันตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน

(ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) และข้อผูกพันตามพิธีสารว่าด้วยการนำพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนหรือไม่ หรือ 2)

หากผู้นำของเข้าไม่สามารถแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าก่อนการนำของออกจากอารักขาศุลกากรได้

ผู้นำของเข้าต้องแจ้งความจำนงเพื่อการขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรโดยบันทึกข้อมูลการสงวนสิทธิการขอคืนอากรก่อนการนำของออกจากอารักขาของศุลกากร

ซึ่งหากผู้นำของเข้าไม่ปฏิบัติตามให้ครบหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าว

ผู้นำของเข้าก็ต้องชำระอากรในอัตราปกติและไม่ได้รับสิทธิพิเศษตามมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร

พ.ศ.2530

เมื่อข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งปรากฏว่าโจทก์ชำระอากรขาเข้าและได้รับมอบของไปจากอารักขาของศุลกากรแล้ว

และโจทก์มิได้แสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) ก่อนการนำของออกจากอารักขาศุลกากร

หรือแจ้งความจำนงเพื่อการขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรโดยบันทึกข้อมูลการสงวนสิทธิการขอคืนอากรซึ่งเป็นงื่อนไขสำคัญในการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีก่อนนำของออกจากอารักขาของศุลกากร

และอย่างไรก็ตาม

โจทก์ก็ไม่ได้นำสืบว่าบัญชีราคาสินค้าหรือเอกสารทางการค้าอื่นจัดทำโดยผู้ส่งออกรับอนุญาตและมีข้อความรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของภาคีสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมในโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินการระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของภูมิภาค

ตามที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน

ลงวันที่ 6 มกราคม 2555 แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินอากรพร้อมดอกเบี้ยคืนจากการนำเข้าสินค้าพิพาท ด้วยเหตุผลดังกล่าว

แม้โจทก์จะมีอำนาจฟ้อง

แต่เมื่อฎีกาของโจทก์ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผลคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ

หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน

และไม่เป็นกรณีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญซึ่งยังไม่มีแนวคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกามาก่อนดังที่โจทก์อ้าง

อันไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 249 วรรคสอง (1) (3)

ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 26

จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกา ให้ยกคำร้อง และไม่รับฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์

ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ครพ.ภษ.57/2562

แหล่งที่มา คำร้องขออนุญาตฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th